เอ็ด วูดวาร์ด ใจกลางพายุกระหน่ำปีศาจแดง ทางออกคืออะไร?

Photo by Alex Livesey/Getty Images

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

รอบ 12 เดือนหลังมานี้น่าจะเป็นช่วงที่เหล่าสาวกปีศาจแดงกลุ้มใจกันมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงานในสนาม แถมยังต้องเห็นลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลโบยบินในตำแหน่งจ่าฝูงด้วยฟอร์มโดยรวมอันยอดเยี่ยม เมื่อสาวกขัดข้องใจ เป้าหมายที่พวกเขาระบายและชี้นิ้วให้รับผิดชอบมากที่สุด ไม่ใช่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แต่เป็น เอ็ด วูดวาร์ด รองประธานบริหาร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเดือนแรกของปี 2020 ด้วยความช้ำใจ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะทีมระดับ 6 ทีมใหญ่ด้วยกันเองได้เลย แพ้คู่ปรับตัวยงทั้งอาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมร่วมเมือง, ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล และหลังจากแพ้หงส์แดง แมตช์ต่อมาก็ยังแพ้เบิร์นลีย์ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบเซอร์ไพรส์อีก ความพ่ายแพ้ 2 นัดติด สร้างความหงุดหงิดให้กับสาวกทั่วโลก ในสนามดังลั่นไปด้วยเสียงโห่ และแฟนบอลที่ร้องเพลงสาปแช่ง ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่นักเตะหรือโค้ช แต่เป็น เอ็ด วูดวาร์ด ฝ่ายบริหารด้วย (ไล่โค้ชก็มีบ้าง มีแฮชแท็กไล่โซลชาร์ ติดเทรนด์ระยะหนึ่ง)

ในรอบ 6 เดือนมานี้ กระแสต้นปี 2020 ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เอ็ด วูดวาร์ด โดนแฟนทีมตัวเองสวดไล่ จากที่ช่วงต้นฤดูกาล 2019-2020 เขาตกเป็นเป้าโจมตีจากที่แฟนบอลมองว่ามีส่วนสำคัญต่อการเสริมทีมที่ล้มเหลวอย่างมากในมุมมองของสาวกปีศาจแดง

ขณะที่ผลงานในสนามครั้งนี้ ส่วนหนึ่งแฟนบอลก็ย่อมจะมองได้ว่า ศักยภาพของทีมที่ต้องเล่นกันตามสภาพนี้ก็มาจากนโยบายและความผิดพลาดในการบริหารงานจากช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะ เรียกได้ว่าเป็นภาพสะท้อนมาถึงทีมทุกวันนี้

ความเป็นจริงแล้ว เอ็ด วูดวาร์ด ทำงานกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเกือบ 7 ปี ซึ่งแทบเป็นช่วงเวลาที่ตระกูลเกลเซอร์ และเอ็ด ต่างโดนแฟนวิจารณ์เรื่องการบริหารอย่างหนักหน่วง ไม่นานมานี้มีรายงานว่า ปีศาจแดงจ้างนีล แอชตัน อดีตผู้สื่อข่าวที่ลาออกจากบทบาทหลังสุดกับสถานี NBC และมาจับธุรกิจที่ปรึกษาด้านสื่อก็ถูกรายงานว่า ลูกค้ารายหนึ่งของเขาจะเป็นสโมสรปีศาจแดงด้วย

สื่อหลายแห่งรายงานกันว่า หน้าที่ล่าสุดของเขาคือการ “ซ่อมแซม” ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสโมสร และที่น่าจะเป็นงานหนักที่สุด หากดูตามสถานการณ์หน้างานแล้วก็คงต้องชี้ไปโดยเฉพาะที่เรื่องภาพจำของเอ็ด วูดวาร์ด นั่นเอง

หากลงลึกไปกว่านั้น แฟนบอลและสื่อมองกันว่า เอ็ด วูดวาร์ด เป็นหน้าเสื่อของตระกูลเกลเซอร์ อีกทอดหนึ่งด้วยซ้ำ เป็นที่รู้กันว่าตระกูลเกลเซอร์ เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2005 โดยวูดวาร์ดดูแลบริหารด้านการเงินส่วนหนึ่งด้วย แต่หลังจากนั้นมา แฟนบอลโจมตีว่าตระกูลเกลเซอร์น่าจะได้เงินปันผลไปเป็นเงินก้อนโตตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของสโมสรปีศาจแดงยังคงมีหนี้อยู่ แถมมากกว่าเดิมด้วย ยิ่งความล้มเหลวในตลาดซื้อ-ขายนักเตะเมื่อปีที่แล้วก่อนเปิดฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งล้มเหลวอย่างเหลือเชื่อ เอ็ดที่เป็นบุคคลล่อเป้ายิ่งแบกรับเสียงวิจารณ์มากกว่าเดิม

เอ็ดเคยออกมาแก้ตัวจากข้อกล่าวหาของแฟนบอลที่โจมตีว่า คนที่ไม่ได้ทำงานสายฟุตบอลมาตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อนักเตะ โดยยืนยันว่า บุคลากรของสโมสรสายฟุตบอลมีประสบการณ์มากมาย ทำงานกับสโมสรไม่ต่ำกว่า 10 ปี บางรายทำงานมานานถึง 25 ปี ข้อกล่าวหานี้คือการดูถูกบุคลากรของสโมสร แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า กระบวนการสรรหานักเตะฝีเท้าชั้นยอดมาเสริมทีมยังขาดประสิทธิภาพ หลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือเมื่อปี 2013

ในความเป็นจริงแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเห็นว่า ปัญหาที่มีก็อาจมาจากการทำงานของวูดวาร์ดด้วยส่วนหนึ่ง แต่หากวูดวาร์ดออกไปก็ไม่ได้

หมายความว่าจะแก้ปัญหาได้เป็นปลิดทิ้ง แค่แก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะปัญหาข้อที่ว่า แฟนบอลและสตาฟไม่ต้องการเห็นวูดวาร์ดในสโมสรอีกต่อไปแล้ว เมื่อมองไปที่ขั้นต่อไป เงยหน้ากลับขึ้นไปที่สายการบริหาร หากตระกูลเกลเซอร์ยังคงบริหารงานอยู่ พวกเขาย่อมตัดสินใจภายใต้วิสัยทัศน์ ทัศนคติ และมุมมองที่สะท้อนมาจากกลุ่มผู้ถือครองอำนาจการบริหารงาน

นั่นหมายความว่า แนวโน้มที่แฟนบอลจะได้เห็น “วูดวาร์ด” รายต่อไปก็มีเช่นกัน ในระหว่างนี้ให้เวลาและผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ประเมินการทำงานของวูดวาร์ดไปเองก่อน (แม้จะเห็นความล้มเหลวในการบริหารงานของวูดวาร์ด มาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ดังที่กล่าวไว้ว่า ไล่วูดวาร์ด ก็มีแนวโน้มได้ “นิววูดวาร์ด” กลับมา) ในขณะเดียวกัน สำหรับฤดูกาลนี้ก็พอเห็นแล้วว่า ความกังวลตั้งแต่ตลาดนักเตะปีก่อนปิดลงกลายเป็นจริงขึ้นมา ผู้เล่นที่มีอยู่ไม่สามารถพาทีมทำผลงานได้ตามหวัง ดาวรุ่งหรือแข้งตัวหลักไม่สามารถหลอมรวมออกมาเป็นยอดทีมได้ นี่คือความล้มเหลวอีกครั้งของทีมบริหาร

เมื่อโซลชาร์ล้มเหลวกับผลงานในสนาม ทีมบริหารล้มเหลวกับการทำงานหลังฉาก นี่คือพายุแห่งคราวเคราะห์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิถีฟุตบอลก็เป็นประมาณนี้ มีขึ้นมีลง มีวัฏจักรวงรอบของมันเอง หากกลุ่มนี้ยังอยู่ สักวันอาจคิดได้ว่า พวกเขาต้องการผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคที่จะดูแลเรื่องเสริมทีมโดยตรง เมื่อกาลเวลาผ่านไป วูดวาร์ดที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่รู้เรื่องฟุตบอลเลย ก็อาจต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นอย่างอื่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อใด