ส่องฟุตบอลวิถี “New Normal” มีอะไรเปลี่ยน หลังบุนเดสลีก้ากลับมาเตะในรอบ 2 เดือน

ฟุตบอลบุนเดสลีก้า เยอรมัน กลับมาเปิดลีกฟาดแข้งในรอบ 2 เดือน หลังพักเบรกจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ฟุตบอลลีกทั่วโลกต้องหยุดเตะแบบไม่มีกำหนด

หลายๆ ลีกมีการถกเถียง หาข้อสรุปว่า ฟุตบอลลีกซีซั่นนี้ จะโมฆะ หรือไปต่อ? ซึ่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ได้ออกมาตัดจบซีซั่นเป็นที่เรียบร้อย โดยยกแชมป์ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขณะที่ลีกอื่นกำลังหาข้อสรุปหาความชัดเจนกันอย่างเข้มข้น ซึ่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้วางคิวกลับมาช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้

แต่บุนเดสลีก้า เยอรมัน ที่กลับมาเตะก่อนใคร ประเดิมทดลองการฟาดแข้งแบบวิถีใหม่แบบ New Normal ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเดิมด้วยคู่เอก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ ชาลเก้ ไป 4-0 โดยรายละเอียดการฟาดแข้ง มีการปรับตัวมากมาย ทั้งทีมงานฝ่ายจัดการแข่งขัน ผู้เล่น สต๊าฟโค้ช นักข่าว ให้อยู่ในมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

จากที่เราได้เห็นผ่านการถ่ายทอดสด มีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน

เริ่มจากการแข่งขันจะเล่นในสนามปิด ไม่มีการเปิดให้แฟนบอลเข้าสนาม จะมีเพียงผู้เกี่ยวข้องลงไปในสนามและอยู่รอบๆ เพียงแค่ 322 เท่านั้น ซึ่งจะมีการตรวจวัดไข้ทุกคนก่อนเข้าสนามอย่างเคร่งครัด

โดยผู้ที่อนุญาตให้เข้าสนามประกอบด้วย ผู้ตัดสิน, กุนซือ, นักฟุตบอล, สต๊าฟโค้ช, ผู้สื่อข่าว- ช่างภาพ, เจ้าหน้าที่สนาม และเด็กเก็บบอล ที่ทีมเจ้าบ้านมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อลูกฟุตบอลทุกลูกก่อนใช้เตะ

ทุกคนที่เช้ามาในสนาม ต้องสวมหน้ากากทุกคน ยกเว้นนักฟุตบอลที่สามารถถอดได้ตอนลงซ้อมหรือลงแข่งจริงเท่านั้น แต่นักเตะตัวสำรอง สต๊าฟโค้ชบริเวณข้างสนาม ต้องสวมหน้ากาก นั่งเว้นระยะห่างกัน

ภาพคุ้นตาที่นักเตะเดินจูงมือเด็กมาสคอต ตั้งแถวจับมือกันก่อนเตะ ได้ถูกยกเลิกไป

อีกไฮไลท์สำคัญ เมื่อมีการยิงประตูขึ้น การดีใจแบบวิถีใหม่ เราได้เห็นนักฟุตบอลแสดงความดีใจแบบเว้นระยะห่าง ใช้การเอาข้อศอกมาแตะกันเบาๆ เท่านั้น หรือบางทีมใช้การยกข้อศอกให้กันในระยะห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกันโดยตรง

มีการเพิ่มกฎใหม่ ผู้ตัดสินสามารถแจกใบเหลืองแก่นักฟุตบอลที่ถ่มน้ำลายในสนาม เนื่องจากเป็นสารคัดหลั่งที่อาจแพร่เชื้อไวรัสได้นั่นเอง

และเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาว นักเตะและกรรมการมีการเอารองเท้าสตั๊ดสัมผัสกัน แทนการจับมือหลังจบการแข่งขัน

ขณะที่การสัมภาษณ์นักเตะกุนซือหลังเกม มีการต่อขาไมค์ให้ยาวขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์แบบใกล้ชิด

นี่เป็นวิถีใหม่ของโลกฟุตบอลที่เพิ่งทดลองกลับมาฟาดแข้งกัน อาจจะไม่เหมือนเดิมในแง่บรรยากาศที่เต็มอิ่มสำหรับแฟนๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องค่อยๆ ปรับตัว อย่างน้อย ฟุตบอลก็เริ่มกลับมาฟาดแข้งให้แฟนๆ หายคิดถึงบ้างแล้ว