ภาพประวัติศาสตร์ฟุตบอลช่วงโควิด ลีกเยอรมันแข่งกันอย่างไร

AP Photo/Martin Meissner, Pool

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

กิจกรรมหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดหายไปในช่วงโรคระบาด เนื่องจากถูกระงับหรือเลื่อนออกไปชั่วคราวเริ่มกลับมาให้สัมผัสกันบ้างแล้ว สำหรับพลพรรคแฟนบอล สิ่งที่โหยหากันมาหลายสัปดาห์ก็คือ เกมฟุตบอล ลีกใหญ่ในยุโรปเริ่มกลับมาแข่งเกมเป็นทางการกันอีกครั้ง ซึ่งเกมในช่วงสถานการณ์โรคระบาดยังส่งผลกระทบอยู่ก็ทำให้เกิดภาพที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก

ลีกใหญ่รายแรกในยุโรปที่กลับมาแข่งขันในช่วงโรคระบาดยังคงแพร่กระจายในภูมิภาคตัวเองก็คือ บุนเดสลีกา เยอรมัน หลังจากเว้นระยะไปร่วม 2 เดือน

บรรยากาศการแข่งขันท่ามกลางความหวาดหวั่นเรื่องการติดไวรัสโควิด-19 ทำให้รูปแบบและรายละเอียดในเกมเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจภายใต้มาตรฐานเรื่อง “การเว้นระยะห่างทางสังคม” (social distancing) เชื่อว่าในรอบหลายทศวรรษมานี้ไม่เคยมีแฟนบอลที่ติดตามลีกระดับแถวหน้าของยุโรปเห็นภาพนี้มาก่อน

อันที่จริงแล้วภาพการแข่งในสนามปิดโดยปราศจากแฟนบอลในอัฒจันทร์ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกตามากนัก

องค์กรที่ควบคุมดูแลการแข่งฟุตบอลในยุโรปมักมีมาตรการลักษณะนี้ในแง่การป้องกันหรือเป็นบทลงโทษบางอย่างต่อทีมที่ลงแข่ง แต่สำหรับกรณีช่วงโรคระบาดนี้เกมในสนามปิดเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดให้แน่นหนาที่สุด

ดังนั้น เกมที่ลงแข่งในช่วงนี้จึงมีคนหลักร้อยต้น ๆ ในสนามเท่านั้น กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่อยู่ในสนามอย่างทีมสตาฟและนักเตะ โดยสตาฟและผู้เล่นสำรองต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่สำหรับโค้ชใหญ่ของทีม ลีกอนุญาตให้ไม่สวมได้เพื่อสะดวกต่อการสั่งการลูกทีมในสนาม กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ด้านนอกของสนาม เช่น ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และทีม VAR

Guido Kirchner/dpa via AP

ภาพดาร์บี้เรเวียร์ระหว่างดอร์ทมุนด์ กับชาลเก้ ที่เคยดุเดือด แฟนบอลทั้งคู่เข้ามาให้กำลังใจกันอบอุ่น จึงเปลี่ยนไป ภาพ “กำแพงสีเหลือง” ของแฟนบอลดอร์ทมุนด์ หนึ่งในกลุ่มแฟนบอลที่โดดเด่นที่สุดกลุ่มหนึ่งในยุโรปหายไปกลายเป็นสภาพอัฒจันทร์เปล่า

เมื่อกล้องจับภาพไปที่ซุ้มสตาฟและม้านั่งสำรอง เหล่าสตาฟและผู้เล่นสำรองต่างนั่งเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ที่นั่ง หรือบางกรณีก็ให้นักเตะสำรองขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ด้านหลังซุ้มม้านั่งข้างสนามด้วย

AP Photo/Hannibal Hanschke, Pool

แนวคิดหลักของการควบคุมดูแลคือ “การเว้นระยะห่างทางสังคม” ดังนั้น ภาพการฉลองประตูที่ได้ จึงไม่ได้มีผู้เล่นกรูกันเข้ามารวมกลุ่มยินดีกับเพื่อนแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามที่น่าคิดอีกคือ จังหวะลูกฟรีคิกในระยะที่ต้องตั้งกำแพง ผู้เล่นฝ่ายตั้งรับย่อมต้องมาอยู่ในระยะประชิดเพื่อป้องกันประตูตัวเองอยู่ดี แม้ว่าก่อนเริ่มเกมนักเตะของแต่ละทีมรวมถึงสตาฟต่างแยกห้องกักตัวในโรงแรมและผ่านการตรวจเชื้อเป็นระยะมาแล้ว อีกทั้งยังแบ่งกลุ่มนั่งรถบัสแยกคันกันมา ไม่ได้นั่งรวมกันในคันเดียวเหมือนเคย แต่เมื่อมาถึงในสนามช่องโหว่ที่เห็นผ่านหน้าจอก็เป็นคำถามที่น่าสนใจว่า หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจุดเล็กน้อยเหล่านี้อาจส่งผลลบอีกระลอกได้ด้วยหรือไม่

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง เมื่อเกมกีฬากลับมาเริ่มต้นขึ้นนั่นคือ ภาพในเกมที่แฮร์ธา เบอร์ลิน ถล่มฮอฟเฟ่นไฮม์ 3-0 ซึ่งมีภาพแข้งเบอร์ลินฉลองประตูด้วยการจูบเพื่อนร่วมทีมแบบใกล้ชิดราวกับสถานการณ์ไวรัสไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อน แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีผลลัพธ์ในแง่บทลงโทษตามมา แม้ว่าพฤติกรรมนี้จะขัดกับเอกสารแนวทางที่ลีกเผยแพร่ออกมาเพื่อให้ทุกทีมดำเนินการตาม ขณะที่โค้ชของเบอร์ลินกลับย้ำจุดยืนว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้ละเมิดระเบียบ

ปัจจัยเสี่ยงในเกมฟุตบอลช่วงไวรัสระบาดไม่ได้มีเพียงแค่การสัมผัสกันใกล้ชิดระหว่างคน แต่ยังมีวัสดุอุปกรณ์ตัวกลางที่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ติดเชื้อกันได้

Sascha Schuermann/AFP pool via AP

ลีกเยอรมันใช้วิธีให้บอลบอยทำความสะอาดลูกฟุตบอลก่อนและระหว่างพักครึ่ง โดยหลังทำความสะอาดแล้วบอลบอยจะวางลูกไว้ในจุดเฉพาะแทนที่ยื่นให้ผู้เล่นโดยตรง โดยแต่ละเกมคาดว่ามีลูกฟุตบอลที่ใช้ราว 30 ลูก

การกลับมาเล่นในครั้งนี้อาจช่วยให้ลีกและธุรกิจกีฬาดำเนินต่อไปได้ แต่สำหรับแฟนบอลเยอรมันที่ต้องการเข้าชมเกมแล้วบางส่วนกลับไม่พอใจที่ลีกกีดกันและออกมาตรการดังกล่าว โดยพวกเขามองว่า

“ฟุตบอลที่ปราศจากแฟนย่อมไม่ใช่ฟุตบอล” พวกเขาต้องไปหาชมเกมจากหน้าจอในสถานที่ปิด อาทิ บาร์ หรือร้านอาหารแทน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียมความพร้อมก่อนเกม เผื่อว่าจะมีกลุ่มแฟนบอลที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการมารวมตัวกันหน้าสนาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับพบว่า สถานการณ์วันแข่งจริงกลับเงียบเหงา มีเพียงแฟนบอลมาที่สนามแบบประปรายเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องดี

AP Photo/Martin Meissner, Pool

ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดสำหรับเกมลีกระดับใหญ่ของยุโรปที่แข่งแบบสนามว่างเปล่ากันทุกเกม สิ่งที่ยังเป็นภาพสะท้อนทัศนคติและความยึดมั่นในวงจรของธุรกิจกีฬาคือ ภาพนักเตะดอร์ทมุนด์ไปปรบมือให้กับอัฒจันทร์เปล่า ซึ่งควรจะเป็นอัฒจันทร์ที่เหมือนกับ “กำแพงสีเหลือง” มีแฟนบอลชุดเหลืองเข้ามาให้กำลังใจทีมที่รักรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน

ภาพที่เห็นนี้ย่อมเป็นสภาพชั่วคราว หากผู้คนทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่ช้าก็เร็วฟุตบอลและกิจกรรมอื่นน่าจะกลับคืนสภาพปกติได้ หลงเหลือไว้เพียงภาพบรรยากาศประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจะเห็นกันได้บ่อยนัก และอาจไม่ใช่ภาพที่น่าจดจำด้วย