เหลียวหลัง แลหน้า “ลีดส์” คืนสู่พรีเมียร์ลีก ความระอุกำลังมา

Photo by Paul ELLIS / AFP
อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง
ไม่น่าเชื่อว่าปีที่ฟุตบอลยุโรปมีปรากฏการณ์น่าสนใจมากมาย กลับเป็นช่วงที่จังหวะเดียวกับสถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ในรอบกว่าร้อยปี ทำให้ทั่วโลกปั่นป่วน หากพูดถึงปรากฏการณ์ที่โดดเด่นสุด คงต้องยกให้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูล และถ้าเป็นแฟนบอลรุ่นเก๋า ปรากฏการณ์ที่ทำให้เลือดลมสูบฉีดในดีกรีรองลงมา คงต้องยกให้การกลับมาลีกสูงสุดอีกครั้งของลีดส์ ยูไนเต็ด

สโมสรที่ชาวไทยคุ้นเคยกับฉายาว่า “ยูงทอง” เป็นที่คิดถึงของแฟนบอลผู้ติดตามโลกลูกหนังช่วงยุค 80-90s ในยุคนั้นพวกเขาคืออีกหนึ่งสโมสรที่ทำผลงานได้น่าลุ้น มีส่วนผสมระหว่างนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีกับนักเตะพลังหนุ่ม เมื่อรวมกันแล้ว พวกเขาเป็นทีมที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ แต่ด้วยปัญหาการบริหารที่ผิดพลาด และผลงานในสนามที่พลาดเป้าหมาย ก่อตัวเป็นปัญหาการเงินขึ้นมา พวกเขาต้องขายนักเตะตัวสำคัญหลายคน จนสุดท้ายสภาพร่อแร่ และตกชั้นไปในฤดูกาล 2003-2004

16 ปีหลังจากจุดตกต่ำครั้งนั้น พวกเขาผ่านเรื่องราวมากมาย ผ่านมือนายทุนมาแล้วหลายราย สัมผัสบรรยากาศตกชั้นไปเล่นลีกวันเป็นครั้งแรก สภาพการเงินของสโมสรย่ำแย่ถึงขั้นขายสนาม เส้นทางกว่าจะมาถึงวันคืนชีพของพวกเขา คงต้องถ่ายทอดกันเป็นหนังสือหนา ๆ สักเล่ม

Photo by Adrian DENNIS / AFP

อย่างไรก็ตาม การรอคอยของแฟนบอลยุติลงแล้วในฤดูกาล 2019-2020 พวกเขาคว้าแชมป์ศึกแชมเปี้ยนชิพ และได้เลื่อนชั้นกลับมาภายใต้การทำทีมของ มาร์เซโล บิเอลซา กุนซืออาร์เจนไตน์ ที่ขึ้นชื่อว่า “สุดโต่ง” อันดับต้น ๆ ของวงการนี้ สมกับฉายา “คนบ้า” (the crazy one)

ในยุคการคืนชีพของลีดส์ พวกเขาอยู่ภายใต้การบริหารงานของ อันเดรีย ราดริซซานี นักธุรกิจอิตาเลียนที่เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2017 ยุคนี้เองคือจุดเริ่มต้นของการดึง มาร์เซโล บิเอลซา กุนซือรุ่นเดอะอีกรายที่วงการซูฮกมาทำงานด้วยได้ (ทั้งที่ไม่ได้เล่นลีกสูงสุด) และเป็นช่วงที่พวกเขาได้สนามเอลแลนด์ โร้ด กลับมาถือครองอีกครั้ง

หลังการแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อปี 2018 การทำงานของบิเอลซา เหมือนขีดเส้นใต้ เน้นย้ำกับเสียงเล่าลือถึงสไตล์การทำทีมแบบ “ไปให้สุด” เคสที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ กรณีเขายอมรับด้วยตัวเองว่า เป็นคนส่งทีมงานไปส่องการฝึกซ้อมของคู่แข่งทุกทีมในลีกแชมเปี้ยนชิพเพื่อเก็บข้อมูลมาศึกษา สิ่งที่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ศึกษาอย่างละเอียด

ในงานแถลงข่าวครั้งนั้น เขายอมรับและเล่าการทำงานเบื้องหลังของทีมงานแบบหน้าตาเฉย เมื่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษปรับเงินสโมสร บิเอลซาก็ควักจ่ายด้วยตัวเอง

บิเอลซา ใช้เวลา 2 ปีทำความฝันของแฟนบอลทั่วโลกให้เป็นจริง และเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย หากมองไปข้างหน้า พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-2021 จะเป็นปีที่แฟนบอลจับตามากเป็นพิเศษ อันนำมาซึ่งรายได้ให้ลีกมากขึ้น ไม่เพียงแค่ผลงานของลีดส์ สิ่งที่แฟนบอลตั้งตารอคอยกันคือ “สงครามกุหลาบ” ระหว่างคู่ปรับตลอดกาลอีกคู่ในอังกฤษ คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับลีดส์ ยูไนเต็ด

อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ คือ สิ่งที่บิเอลซาจะทำเมื่อขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด ลีกใหญ่ในยุโรปอีกครั้ง ในยุคสมัยของฟุตบอลยุคใหม่ที่มีเรื่องท้าทายมากมาย หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกินคาดหมาย การดวลกันระหว่างกุนซือต่างบุคลิก มีทั้ง “คนบ้า” (บิเอลซา), “คนพิเศษ” (มูรินโญ่) และ “คนเดินดินธรรมดา” (คล็อปป์) กำลังจะเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

การทำงานแบบ “คนบ้า” จะมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับคนที่มีฉายานามเหล่านี้ และแนวทางการทำทีมของกุนซือที่คนในวงการยกย่องเมื่อมาเจอกันกับคนร่วมวงการรุ่นหลังแล้วจะออกมาอย่างไร แต่ก่อนหน้าจะถึงวันนั้น กุนซืออาร์เจนไตน์มีเรื่องภายในต้องสะสางหลายประการ

บิเอลซา มีเรื่องอนาคตที่ชัดเจนของตัวเองกับสโมสร, ทีมงาน, คลี่คลายปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับการบริหารสิทธิในตัวนักเตะไปจนถึงหาข้อสรุปเรื่องนักเตะแกนหลัก ซึ่งบางรายยังอยู่ในสถานะยืมตัวมาจากทีมอื่น และการเสริมทัพซึ่งยังต้องจับตาว่าจะลงเอยในทิศทางไหน

ในปีที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และเป็นปีเดียวกับที่ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลก คิดแล้วก็น่าประหลาดใจเล็กน้อยว่า เรื่องเหล่านี้มารวมกันอยู่ในปีเดียวกันได้อย่างไร

สำหรับแฟนบอลแล้ว ถือเป็นกำไรที่จะได้ซึมซับบรรยากาศความเข้มข้นของลีกอังกฤษ เมื่อเปิดฤดูกาลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การกลับมาของลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่เพียงแค่ชวนให้ระลึกถึงความทรงจำเก่า ๆ แน่นอนว่า สถานการณ์ชวนให้ลุ้นกันต่อไปอีกว่า ทีมเก่าแก่นับร้อยปีอีกสโมสรจะโลดแล่นอยู่ในฟุตบอลระดับสูงของโลกยุคใหม่ที่โฉมหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากได้อย่างไรบ้าง