หลังม่าน “แอตฯมาดริด” เส้นทางสู่แชมป์ ลาลีกา สเปน อีกสมัย

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

ฟุตบอลลีกยุโรปฤดูกาล 2020-2021 ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด กลับมาพร้อมกับบรรยากาศขับเคี่ยวกันอย่างลุ้นระทึก ผลที่ออกมาในหลายลีกน่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะกรณีลาลีกา สเปน ซึ่ง แอตเลติโก มาดริด ย้อนรอยความสำเร็จเดิมโดยสามารถทำอันดับเหนือบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ที่ครองความยิ่งใหญ่ในลีกสเปนมายาวนาน

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 4 ครั้งเท่านั้นที่แชมป์ลีกสูงสุดของสเปน ไม่ได้เป็นชื่อบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด สโมสรซึ่งสอดแทรกเข้ามาชูแชมป์ด้วยมีเพียง 2 ทีม คือ บาเลนเซีย ปี 2001-2002 และ 2003-2004 อีกสโมสรคือ แอตเลติโก มาดริด เมื่อฤดูกาล 2013-2014 และล่าสุดคือฤดูกาล 2020-2021

สำหรับลาลีกา สเปน รอบทศวรรษที่ผ่านมา แฟนบอลล้วนรับรู้กันดีว่าเป็นยุคของบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ก็ว่าได้ สโมสรคู่ปรับทั้ง 2 แห่งต่างพัฒนาทีมในรูปแบบของตัวเอง เพื่อให้เหนือกว่าอีกฝ่าย และเริ่มทิ้งห่างสโมสรที่เหลือในลีกมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งในปี 2013-2014 ซึ่งแฟนบอลได้เห็นผลงานของแอตเลติโก มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกในยุคที่ทีมเจ้าบุญทุ่มและราชันชุดขาวยังโดดเด่นและเป็นสโมสรที่ทีมอื่นในยุโรปหวาดหวั่น

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ “ทีมตราหมี” แอตฯมาดริด ในยุคกุนซืออาร์เจนไตน์ ไม่เพียงเป็นเรื่องแท็กติกการเล่นเน้นความเหนียวแน่นดุดัน ขณะเดียวกันก็ยังยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้ด้วย ซิเมโอเน่ยังสร้าง “แคแร็กเตอร์” ให้กับทีมของเขาได้อย่างน่าทึ่ง ช่วงหลังก็ยังพยายามพัฒนาทีมให้เป็นมากกว่าเล่นเหนียวแน่นตามแบบแผนให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น โดยมีตัวแปรสำคัญอย่างนักเตะใหม่ที่กล่าวได้ว่า เป็นกุญแจไปสู่แชมป์ด้วย

ก่อนจะไปถึงตรงนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องเอ่ยถึงคือ เรื่อง “ทีมสปิริต” ของแอตฯมาดริด เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการรักษาเส้นทางขับเคี่ยวกับทีมใหญ่อย่างบาร์ซ่า และเรอัล มาดริด ที่ต่างล้วนมีนักเตะฝีเท้าชั้นยอดได้ และสำหรับฤดูกาลนี้ก็อาจมีบางส่วนที่สะท้อนแง่มุมแบบนี้อยู่บ้างเช่นกัน

ปฏิเสธได้ยากว่า “ทีมตราหมี” ใช้งานระบบจัดหาและพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดทศวรรษ พวกเขาส่งออกนักเตะหลากหลายตำแหน่งตั้งแต่ยุคเซร์คิโอ กุน อเกวโร มาจนถึงยุคโธมัส ปาร์เตย์ ที่เพิ่งขายไปให้กับอาร์เซนอลแบบหมาด ๆ

เมื่อสูญเสียดาวเตะที่เป็นกำลังหลักในทีม สโมสรส่วนใหญ่ใช้เวลาสักระยะในการหาตัวแทนและพัฒนาภาพรวมของทีมให้กลับมาใกล้เคียงกับระดับเดิม แอตฯมาดริดก็เป็นเช่นนั้น ทั้งหลังจากได้แชมป์ฤดูกาล 2013-2014 และหลังจากเสียนักเตะตัวหลักเมื่อไม่นานมานี้

ก่อนฤดูกาลปีนี้เริ่มขึ้น แอตฯมาดริด เซ็นสัญญาดึง หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงจากบาร์เซโลน่า มาร่วมทีม เป็นอีกหนึ่งนักเตะในกลุ่มที่ฝีเท้ายอดเยี่ยม แต่ต้นสังกัดเดิมไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือจัดอยู่ในกลุ่มพวกถูกปล่อยด้วยเหตุผลทางการเงินโดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 หลายสโมสรในยุโรปได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างหนัก จนนักเตะระดับสตาร์ยังต้องยอมลดค่าเหนื่อย ทีมแอตฯมาดริดมีนักเตะลักษณะข้างต้นอีก อย่างเช่น ลูคัส ตอร์เรร่า มิดฟิลด์ที่ถูกยืมตัวมาจากอาร์เซนอล และยังมีผู้เล่นที่ถูกยืมตัวมาเสริมทีมจากสโมสรอื่น ๆ

น่าสนใจว่า จากสถิติที่สื่อต่างประเทศรายงานแล้ว ซัวเรซช่วยเก็บแต้มให้กับแอตฯมาดริด ฤดูกาลนี้ 21 แต้ม เรียกได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน สมัยที่ 2 ในรอบ 7 ปี ที่สำคัญคือ ฤดูกาลนี้ ลีกสเปนต้องตัดสินแชมป์ถึงนัดสุดท้าย เกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทีมตราหมียังออกสตาร์ตในเกมที่พบกับทีมหนีตกชั้นด้วยสกอร์ตามหลังคู่แข่ง ก่อนมาไล่ตีเสมอ และได้ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูชัย ส่งแอตฯมาดริดชูถ้วยแชมป์ได้สำเร็จ

หากมองในภาพรวม บาร์ซ่า และเรอัล มาดริด ต่างเริ่มสัญญาณฟอร์มเป๋ไปมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว เปิดทางให้ทีมอื่นขึ้นมาลุ้นแชมป์ได้ เมื่อบาร์ซ่ามีปัญหาทางการเงิน ยังมาเลือกปล่อยซัวเรซ ดาวยิงที่ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำมาตลอด ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติของสโมสรในการปล่อยนักเตะฝีเท้าเยี่ยมเพื่อนำเงินมาลงทุน ที่พลาดครั้งใหญ่คงเป็นการปล่อยให้นักเตะไปอยู่ในมือคู่แข่งตัวอันตรายอีกทีมในลีก

แอตฯมาดริดทำผลงานยอดเยี่ยมมาจนถึงต้นปี 2021 แต่มาสะดุดหลังผ่านเดือนแรกไปแล้ว จนเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่าไล่ตามหลังมา เรื่องนี้กลับเข้ารูปรอยเดิมอีกเมื่อทั้งบาร์ซ่า ไปจนถึงเรอัล มาดริด มีโอกาสจะกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ พวกเขาพลาดเอง


งานที่เหลือของซิเมโอเน่ กลับมาที่เอกลักษณ์ของเขาด้วยการรักษารูปทรงของสถานการณ์เอาไว้ นั่นคืองานที่ทำได้โดยอาศัยอดีตหัวหอกบาร์ซ่าเป็นกำลังสำคัญในเกมนัดชี้ชะตา ซึ่งแอตฯมาดริดต้องการ 3 แต้มนั่นเอง