
เปิดประวัติ ทอดด์ โบห์ลี (Todd Boehly) เจ้าของสโมสรเชลซีคนใหม่ หลังศึก รัสเซีย-ยูเครน เขย่าบัลลังก์เจ้าของเดิมจากเสี่ยหมี รัสเซีย เปลี่ยนมาเป็น เสี่ยอินทรี สหรัฐอเมริกา
บีบีซี รายงานประวัติ ทอดด์ โบห์ลี เศรษฐีอเมริกัน เจ้าของสโมสรเชลซี คนใหม่ ที่มาแทนเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ถูกอังกฤษอายัดทรัพย์ ตามมาตรการแซงก์ชั่นศึกรัสเซียบุกยูเครน มีดีกรีเป็นเจ้าของสโมสรกีฬามากมายในอเมริกา
- เปิดรายชื่อ 250 ส.ว. แต่งตั้งโดย คสช. โหวต/ไม่โหวต พิธา นายกฯคนที่ 30
- หุ้นเครือ ซี.พี.กอดคอร่วงยกแผง นำทีมโดย TRUE
- ทักษิณ สรุป 7 บทเรียนเพื่อไทยพ่ายแพ้เลือกตั้ง คู่แข่งก้าวไกลใช้ไอโอ-เก่ง
โบห์ลีเป็นเจ้าของทีมเบสบอล แอลเอ ดอดเจอร์ส ทีมชั้นแนวหน้าในอเมริกา มีหุ้นในทีมบาสฯ แอลเอ เลกเกอร์ส และยังเป็นเจ้าของทีมกีฬาอีก 3 สโมสรในลอสแองเจลิส เคยขอซื้อเชลซีจากอับราโมวิช เมื่อปี 2019 แต่เสี่ยหมีตอนนั้นปฏิเสธไป
จากการประเมินของฟอร์บส์ นักลงทุนและนักธุรกิจชาวอเมริกันรายนี้ มีทรัพย์สินราว 4,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 153,000 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับอับราโมวิช ฟอร์บส์ปประเมินว่าเสี่ยหมีมีทรัพย์สิน 12,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4 แสนล้านบาท เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 142 ของโลก ส่วนสื่อบลูมเบิร์กประมาณการว่า เสี่ยหมีมีทรัพย์สินถึง 13,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4.6 แสนล้านบาท และเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 128 ของโลก

ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ครอบครัวของโบห์ลี รุ่นปู่ย่าอพยพจากเยอรมนีมาอยู่อเมริกา นักธุรกิจรายนี้จบการศึกษาม.ปลายจากแลนดอน สคูล รัฐแมรีแลนด์ เมื่อปี 1991 ซึ่งระหว่างที่เรียน เป็นสมาชิกทีมมวยปล้ำของโรงเรียน คว้าแชมป์ I.A.C. ปี 1990 และ 1991
โบห์ลีจบปริญญาตรีด้านการเงิน จากคอลเลจ ออฟ วิลเลียม แอนด์ แมรี และยังไปเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ที่ ลอนดอน สคูล ออฟ อีโคโนมิกส์ ที่อังกฤษ ระหว่างนั้นยังทำงานที่ซิตีแบงก์ ก่อนไปทำงานหาประสบการณ์ด้านการเงินกับบริษัท ซีเอส เฟิร์ส บอสตัน

ปี 2015 โบห์ลัก่อตั้งบริษัทเอลดริดจ์ อินดัสทรีส์ ดำรงตำแหน่งทั้งประธานบริษัทและซีอีโอ จากนั้นต่อยอดไปทำธุรกิจสายอื่น ๆ เช่น บริษัทดราฟต์ คิงส์ บริษัทพนันกีฬาถูกกฎหมาย
การเข้าซื้อสโมสรเชลซีครั้งนี้ โบห์ลี ร่วมกับกลุ่มธุรกิจที่ประกอบด้วย เคลียร์เลก แคปิตอล, มาร์ก วอลเตอร์ และมหาเศรษฐีชาวสวิส ฮันส์ยอร์ก ไวสส์ ทุ่มทุนจ่าย 4,250 ล้านปอนด์ หรือราว 1.8 แสนล้านบาท
เมื่อเทียบกับเงินที่อับราโมวิชเคยซื้อเชลซี เมื่อปี 2003 ตอนนั้นเสี่ยหมีจ่ายไป 140 ล้านปอนด์ หรือราว 5,900 ล้านบาท

ในจำนวนเงินที่ซื้อสโมสรครั้งใหม่ แบ่งเป็น 2,500 ล้านปอนด์ หรือราว 1 แสนล้านบาท สำหรับซื้อหุ้นของเชลซี และอีก 1,750 ล้านปอนด์ หรือราว 7.4 หมื่นล้านบาทสำหรับการลงทุนในสแตมฟอร์ด บริดจ์, อคาเดมีทีมฟุตบอลหญิง, โรงเรียนชุมชนคิงส์เมโดว และมูลนิธิเชลซี
หลังจากดีลซื้อสโมสรบรรลุแล้ว โบห์ลีเดินทางมาชมการแข่งขันที่เชลซีเปิดบ้านเสมอกับวูล์ฟส์อย่างน่าเจ็บใจในนาทีทดเจ็บของการแข่งขัน 2-2 ประตู จากนี้ไปจึงจะเป็นการเจรจาแผนการใช้เงินในช่วงฤดูร้อนนี้ รวมถึงการต่อสัญญากับนักเตะ และการซื้อนักเตะเกรดเอเข้าสโมสร