การแข่งขันฟุตบอลลีกดังยุโรป ทั้งอังกฤษ และเยอรมัน เปิดฉากด้วยการคว้าถ้วยโหมโรงก่อนเปิดฤดูกาลหนึ่งสัปดาห์ สโมสรดังที่มีแนบอลหนาแน่น อย่างลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค ต่างคว้าชัย เมื่อวันที่ 30 ก.ค.
เกมการแข่งขันลีกอังกฤษเริ่มต้นก่อน ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์พรีเมียร์ลีก 2021/22 กับ ลิเวอร์พูล แชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นการพบกันชองแชมป์สองรายการประจำปี ครั้งที่ 100 จัดที่สนามเวมบลีย์
- ฟินแลนด์ระงับการให้วีซ่าแรงงานเก็บผลไม้ป่าทุกคนจากไทย
- เหล้าเบียร์ 5 แสนล้านสะเทือน สิงห์-ช้างอ่วม กฎหมายใหม่ห้ามโฆษณา
- ประกันสังคม เตรียมขยายเพดานเงินสมทบ เป็น 17,500-20,000 เกษียณ 65 ปี
สองทีมดวลกันสนุก ผลัดกันรุก-รับ และตัดสินกันในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนซิตีได้ โดย ดาร์วิน นูเนซ ดาวดังทีมชาติอุรุกวัยขวัญใจสาว ๆ ทำประตูย้ำชัยชนะ ด้วยสกอร์ 3-1 ประตู
ส่วนประตูขึ้นนำของลิเวอร์พูล ได้จาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นาทีที่ 21 ขณะที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ นักเตะดาวดังของนอร์เวย์ ที่เพิ่งย้ายมาแมนซิตี้ พลาดสองโอกาสงามท่ีจะทำประตูให้ทีมใหม่
แมนซิตี้มาได้ประตูตีเสมอ เมื่อ ฟิล โฟเดน ซัดจังหวะแรก ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลปัดป้องออกมา แต่ จูเลียน อัลวาเรซ นักเตะอาร์เจนตินา ซัดซ้ำเช้าไปตุงข่าย แต่กรรมการใช้เวลาตรวจดูจังหวะล้ำหน้าอยู่พักหนึ่ง จนตัดสินให้เป็นประตูในที่สุด
ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-1 นาที 83 จังหวะนูเนซซัดลูกไปโดนแขน รูเบน ดิอาส กรรมการให้เป็นจุดโทษ โดบโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำหน้าที่ไม่พลาด และก่อนหมดเวลา นูเนซ ทำประตูเพิ่มให้หงส์แดงชนะด้วยสกอร์ 3-1 เป็นการคว้าแชมป์ถ้วยนี้ครั้งแรกในรอบ 16 ปี
บาเยิร์น มิวนิกเฉือนหวิว
ด้านศึกชืงถ้วย DFL ซูเปอร์คัพ ระหว่าง ไลป์ซิก กับ บาเยิร์น มิวนิก จัดที่สนาม เรด บูล อารีนา ของทีมไลป์ซิก ทีแรกดูเหมือนจะง่ายสำหรับทีมเยือน เพราะนำไปถึง 4-1 ประตู แต่เจ้าบ้านสู้ไม่ลดละ ไล่ตามมาเรื่อยๆ จนได้ 3 ประตู ในนาที 89 ทำให้ช่วงต่อเวลาระทึกหนัก แต่บาเยิร์น ได้ลูกที่ 5 นาที 90+8
นัดนี้เสียงเชียร์ทีมเจ้าบ้านดังกว่า แต่ทีมเยือนกลับเป็นฝ่ายได้ประตูก่อน จาก จามาล มูเซียลา นาที 14 ตามด้วย ซาดิโอ มาเน สมาชิกเก่าของลิเวอร์พูลที่เพิ่งย้ายออกมา เสียบตำแหน่งกองหน้าของทีมเสือใต้ แทน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
ก่อนหมดครึ่งแรก เบนจามิน ปาวาด์ ทำประตูเพิ่มอีก นาที 45 ส่วนครึ่งหลัง แม้ไลป์ซิกจะตีไข่แตกได้ นาที 59 โดย มาร์เซล ฮัลสเตนเบิร์ก แต่บาเยิร์นยิงเพิ่มอีก จาก แซร์จ กนาบรี นาที 65
ต่อมา ไลป์ซิกได้จุดโทษ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู รับหน้าที่พังประตู นาที 77 ก่อนที่ ดานี โอลโม จะมาให้ความหวังทีมเจ้าบ้าน เมื่อทำประตูที่สาม นาท่ี 89
เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ ไลป์ซิกเปิดฉากบุกหนัก แต่เจอบาเยิร์นสวน ซาเนหลุดเดี่ยว และทำประตูให้บาเยิร์นชนะ 5-3 ประตู คว้าถ้วยกลับไปประดับพิพิธภัณฑ์สโมสร
….