เปิดกรุหนังสือเก่า 200 เล่ม มรดกภูมิปัญญา 2 แผ่นดิน

เรื่อง-ภาพ : จุมพฏ สายหยุด

วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน เป็นโอกาสสำรวจสายสัมพันธ์ในทุกมิติของประชาชนทั้งสองประเทศ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “มรดกภูมิปัญญา” ผ่านปกหนังสือเก่าในรอบ 160 ปี ที่ผ่านมา

ปกหนังสือเก่าหายากกว่า 200 เล่ม จะมาอวดโฉมในนิทรรศการจีนไทย ก้าวไปด้วยกัน ในงาน Thai-Chinese Golden Fest : มหกรรมร้อยเรื่องราวไทย-จีน ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นของ “นริศ จรัสจรรยาวงศ์” นักวิชาการอิสระ และนักสะสมหนังสือเก่าระดับเบอร์ต้น ๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็น หนังสือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475, ตำราอาหาร, ศาสนาและไสยศาสตร์ เป็นต้น

นริศ จรัสจรรยาวงศ์
นริศ จรัสจรรยาวงศ์

จัดแสดงในรูปแบบดิจิทัล บนจอทัชสกรีน โดยการโชว์ปกหนังสือหายาก แบ่งออกเป็น 14 หมวดหมู่ อาทิ พงศาวดาร นิยายกำลังภายใน ประวัติศาสตร์ ซุนยัตเซน สรรนิพนธ์ประธานเหมา พุทธศาสนาจีน วรรณกรรมสังคม

หนังสือเก่าที่โดดเด่นเล่มแรกจากคอลเล็กชั่นของนริศ คือ สามก๊ก พิมพ์ที่โรงพิมพ์หมอบรัดเล พ.ศ. 2409-2410 ซึ่งนับเป็นสามก๊ก ฉบับแรกที่มีการพิมพ์เป็นภาษาไทย ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเขียนเล่าไว้ใน ตำนานหนังสือสามก๊ก ว่า “ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 หมอบรัดเล มิชชันนารีอเมริกันย้ายโรงพิมพ์มาตั้งที่ปากคลองบางกอกใหญ่ เริ่มพิมพ์หนังสือไทยเรื่องต่าง ๆ ขาย ได้ต้นฉะบับหนังสือเรื่องสามก๊กของผู้อื่นมา 2 ฉะบับ

แล้วไปยืมต้นฉะบับของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศที่สมุหพระกลาโหมมาสอบกันเปน 3 ฉะบับ พิมพ์หนังสือสามก๊กขึ้นเปนสมุดพิมพ์ 4 เล่มตลอดเรื่อง สำเร็จเมื่อปีฉลู พ.ศ. 2408 ขายราคาฉะบับละ 20 บาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับซื้อช่วยหมอบรัดเลเห็นจะราวสัก 50 ฉะบับ พระราชทานพระราชโอรสธิดาพระองค์ละฉะบับทั่วกัน๊”

คอลเล็กชั่นในงานนิทรรศการ ยังจัดแสดงปกสามก๊ก ฉบับแรกที่พิมพ์โดยคนไทย ได้แก่ สามก๊ก ฉบับโรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ (พ.ศ. 2448), สามก๊ก ฉบับราชบัณฑิตยสภา ชำระ อำนวยการโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พ.ศ. 2471 เพื่อจัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพสนองพระคุณพระชนนี สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อต้น พ.ศ. 2471 จัดพิมพ์เป็นจำนวน 4 เล่ม ผนวกเข้าด้วยหนังสือตำนานสามก๊กอีกจำนวน 1 เล่มที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงประพันธ์ขึ้นเป็นพิเศษ รวมเป็นชุด 5 เล่ม

ADVERTISMENT

ชุดสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ “สามก๊ก ฉบับวณิพก” บทประพันธ์ของยาขอบ ผู้ที่ครั้งหนึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ “สังหารพงศาวดารจีน”

“ศรีบูรพา หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชาติ พ.ศ. 2475 เห็นว่า พงศาวดารจีนที่แพร่หลายอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ยุคนั้น มีมากจนเริ่มเฝือแล้ว จึงมอบหมายให้ ยาขอบ เขียนวรรณกรรมแนวใหม่ เป็นที่มาของ ผู้ชนะสิบทิศ ที่ได้รับความนิยมเหนือพงศาวดารจีนจริง ๆ” นริศ เล่า

ต่อมา “ผู้ชนะสิบทิศ” ซึ่งเขียนเป็นตอน ๆ ถูกกดดันจากลัทธิชาตินิยม ของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ยาขอบจึงหยุดเขียนไปชั่วคราว และหันไปเขียน “สามก๊ก ฉบับวณิพก” โดยเริ่มจาก “กวนอู เทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อ” ได้รับความนิยม ติดตามด้วย “ขงเบ้ง ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร” “จิวยี่ ผู้ถ่มน้ำลายรดฟ้า” จนมีการเขียนเล่าตัวละครต่าง ๆ ในสามก๊ก ออกมารวม 18 คน

“จากผู้สังหารพงศาวดารจีน กลายเป็นผู้หลงใหลวรรณกรรมจีน จนไม่กลับไปเขียน ผู้ชนะสิบทิศ อีกเลย”

จากหนังสือในกลุ่มพงศาวดารจีน ยังมีหนังสือกลุ่มนิยายกำลังภายใน นำโดย “มังกรหยก” ของ กิมย้ง แปลโดย จำลอง พิศนาคะ ซึ่งเริ่มต้นอย่างเด่นชัดหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผลงานเปิดประตูสู่ยุคนี้อย่างแท้จริง ความนิยมของนิยายแนวนี้ขยายตัวรวดเร็ว และมีนักแปลหน้าใหม่เข้าสู่วงการติดตามจำนวนมาก

ในขณะที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ในทศวรรษ 2490 ผู้อ่านชาวไทยได้รู้จัก “ยุควรรณกรรมก้าวหน้า” หรือวรรณกรรมเพื่อชีวิต ซึ่งได้รับอิทธิพลโดยตรงจากขบวนการวรรณกรรมสมัยใหม่ในประเทศจีน โดยเฉพาะผลงานของนักเขียนแนวสังคมนิยมที่มีบทบาทสำคัญ เช่น หลู่ซวิ่น รวมถึง เพิร์ล เอส. บัก ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เป็นสตรีชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

ผลงานของนักเขียนเหล่านี้ถูกแปลและเผยแพร่ในไทยผ่านนักเรียนไทยที่เคยศึกษายังประเทศจีน ซึ่งตัวอย่างปกหนังสือเหล่านี้ก็จะถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการเช่นกัน

เมื่อร้อยเรียง ปกหนังสือเหล่านี้ในนิทรรศการในงาน Thai-Chinese Golden Fest : มหกรรมร้อยเรื่องราวไทย-จีน เราจะเห็นความคิดและค่านิยมที่ถูกถ่ายทอดออกมาสู่คนไทย อาทิ “สามก๊ก” ถ่ายทอด แนวคิดการตั้งตัวเป็นใหญ่ ซึ่งปัจจุบันคือ การสร้างผู้ประกอบการ “ไซอิ๋ว” ถ่ายทอดจินตนาการ “ซ้องกั๋ง” ถ่ายทอดความคิดต่อต้านผู้ปกครองกังฉิน

ในขณะที่ นิยายกำลังภายใน ถ่ายทอด ปรัชญาการต่อสู้ ตัวละครในเรื่องมักไม่ใช่ผู้วิเศษเหนือธรรมชาติ แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์จนแกร่งกล้า มีอุดมคติ กตัญญูรู้คุณ และยึดมั่นในคุณธรรม ยอมเสียสละตนเองเพื่อส่วนรวม ซึ่งในที่สุดพัฒนาไปสู่การเรียกร้องลต่อสู้เพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า

ไม่ว่าจะโดยรู้ตัว หรือไม่ พวกเราทุกคนจึงต่างมีมรดกภูมิปัญญา ที่มาจากต้นธารวรรณกรรมเหล่านี้

หมายหตุ – ขอเชิญร่วมงาน Matichon Thai-Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย-จีน วันที่ 11-13 กรกฎาคม 2568 ณ True Digital Park สุขุมวิท 101 รายละเอียดติดตาม เฟซบุ๊ก/เว็บไซต์ ในเครือมติชน-ประชาชาติธุรกิจ