AAV ครึ่งปีแรกขาดทุน 7 พันล้าน เร่งเปิดบินต่างประเทศ ดันรายได้โค้งท้าย

ไทยแอร์เอเชีย

AAV เผยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนผลประกอบการไตรมาส 2/65 รายได้รวม 2,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 157 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณที่นั่งกลับมากว่าร้อยละ 33 ของช่วงก่อนโควิด-19 พร้อมเร่งเครื่องครึ่งปีหลัง เพิ่มรายได้จากเส้นทางระหว่างประเทศ-อัดแคมเปญกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสารปีนี้ 10 ล้านคน

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยว่า AAV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 2,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 157 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ เป็นผลจากการฟื้นตัวที่โดดเด่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยปริมาณที่นั่งกลับมากว่าร้อยละ 33 ของช่วงก่อนโควิด-19 จากทั้งการเติบโตในตลาดภายในประเทศ และเส้นทางระหว่างประเทศที่เริ่มกลับมาให้บริการเพิ่มขึ้น โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งตลาดอินเดีย มาเลเซีย และสิงคโปร์

อย่างไรตาม ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักของสายการบินเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอุปสงค์การใช้น้ำมันที่เร่งตัวสูงกว่าอุปทานในตลาดโลกที่ตึงตัว ค่าบำรุงรักษาเครื่องบิน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ AAV มีผลขาดทุน 4,724 ล้านบาท ในไตรมาสนี้

โดยตลอดไตรมาสที่ 2 ปี 2565 TAA ขนส่งผู้โดยสารรวม 1.68 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 133 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 75 เพิ่มขึ้น 14 จุด อีกทั้งราคาค่าโดยสารเฉลี่ยขยายตัวร้อยละ 17 มาอยู่ที่ 1,317 บาท จากความต้องการท่องเที่ยวที่คงค้างมาตั้งแต่ปีก่อนและการงดค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิงในเที่ยวบินระหว่างประเทศ

ขณะที่รายได้บริการเสริมต่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 มาอยู่ที่ 285 บาท จากค่าบริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่องและค่าธรรมเนียมการชำระเงินที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราความตรงต่อเวลาอยู่ที่ร้อยละ 96 โดยมีจำนวนเครื่องบินปฏิบัติการเฉลี่ยอยู่ที่ 24 ลำ ณ สิ้นสุดไตรมาส เพิ่มขึ้นจาก 15 ลำในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้วยอัตราการใช้งานเครื่องบินที่ 8.0 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 6.1 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องบินที่เหลือมีแผนสำหรับการรองรับปริมาณผู้โดยสารในครึ่งปีหลังต่อไป

“ครึ่งปีแรกของปี 2565 AAV มีรายได้รวม 4,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 90 และมีผลขาดทุน 7,094 ล้านบาท จากปัจจัยด้านราคาน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาเครื่องบิน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยขนส่งผู้โดยสารรวม 3.14 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 84 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 74”

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายสันติสุขกล่าวว่า AAV จะเร่งทำการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดระหว่างประเทศที่จะเน้นมากขึ้น ซึ่งสิ้นสุด ณ ไตรมาสนี้ TAA กลับมาให้บริการแล้ว 19 เส้นทาง สู่ 8 ประเทศ คือ อินเดีย มัลดีฟส์ กัมพูชา เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ มาเลเชีย และอินโดนีเซีย โดยในครึ่งปีหลัง TAA ตั้งเป้าหมายในการเปิดบินสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ที่เมืองฟุกุโอกะ รวมทั้งประเทศเนปาลและบังกลาเทศ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ

ในครึ่งปีหลังนี้ TAA พร้อมกลับมาทำแคมเปญการตลาดเชิงรุกเต็มที่ ทั้งการตอกย้ำคุณภาพของแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา ผ่านแคมเปญ “ขอใส่ใจให้หายคิดถึง” การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจจากสินค้าบริการที่หลากหลายของ airasia Super App รวมถึงการทำแคมเปญต่อเนื่องร่วมกับภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนขยาย”

รวมทั้งการจัดโปรโมชั่นที่ร้อนแรงตลอดครึ่งปีหลัง โดยเน้นในตลาดเส้นทางระหว่างประเทศที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลกำไรได้ดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า


ทั้งนี้ ตลอดปี 2565 บริษัทตั้งเป้าผู้โดยสารอยู่ที่ 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากปีก่อนที่ขนส่งผู้โดยสาร 2.93 ล้านคน พร้อมทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำสายการบินราคาประหยัดสำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีความพร้อมให้บริการด้วยเครื่องบินปฏิบัติการจำนวน 43 ลำ จากฝูงบินทั้งหมดจำนวน 53 ลำ ณ ปลายปีนี้