“ไต้หวัน” ขาย 3 เดสติเนชั่นใหม่ รับเปิดประเทศ-อัดแคมเปญดึงคนไทย

ไต้หวัน

การท่องเที่ยวไต้หวันเร่งกระตุ้นการเดินทางช่วงไฮซีซั่น เปิด 3 ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้คนไทยไปสัมผัส พร้อมออกแคมเปญ “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” ซื้อทัวร์ 2.4 หมื่นรับมูลค่าเงินคืน 599 ดอลลาร์ไต้หวัน ย้ำ “ไต้หวันหัวใจแห่งเอเชีย” คาดจบปี’65 คนไทยเที่ยว 1.8 หมื่นคน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 450 ล้านบาท

นางสาวซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า หลังจากไต้หวันเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางเข้ามาเที่ยวไต้หวันเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ให้ความสนใจและเดินทางมาเป็นกรุ๊ปแรก ๆ เนื่องจากไต้หวันเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่คนไทยนึกถึง โดยคาดว่าปี 2565 นี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ากว่า 18,000 ราย และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท

โดยในช่วง 2 ปีของการปิดประเทศที่ผ่านมานั้น ไต้หวันได้มีการพัฒนาและเปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่จำนวนมาก และพร้อมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปสัมผัสและทำกิจกรรมต่าง ๆ

โดยเฉพาะ 3 เดสติเนชั่นใหม่ที่เป็นไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวในขณะนี้ประกอบด้วย 1.Rongjin Gorgeous Time แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเป ซึ่งเดิมเป็นบ้านพักราชการระดับสูงในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน

สถานที่แห่งนี้ยังคงอัตลักษณ์การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ สีน้ำตาลเข้ม หลังคาลาดเอียงเรียบง่ายเรียงรายต่อกัน ภายในประกอบไปด้วยร้านค้ามากมาย อาทิ ร้านอาหาร Always Elegant ร้านขนมเบเกิล Good Cho’s ร้านขนม Jin Jin Ding ร้านแพนเค้กคาเฟ่ Kyushu และคาเฟ่ Simple Kaffa

นอกจากนี้ยังมีร้านเช่าเสื้อผ้าสำหรับคนที่ต้องการใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพเหมือนได้อยู่ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นปกครอง ร้านของฝากที่รวบรวมของที่ระลึก รวมถึงร้าน Pet Shop เลือกของฝากสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า ลงที่สถานี Dongmen

2. Babbuza Dreamfactory โรงงานเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับทุกคนในครอบครัว ตั้งอยู่ที่เมืองหนานโถว ไฮไลต์ของที่นี่คือ ต้นไม้ยักษ์ หรือ Tree of Life ที่มีความสูงถึง 30.8 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถไต่ระดับความสูงขึ้นไปบนพื้นใส ๆ โดยการเดิน หากใครชอบความแอดเวนเจอร์สามารถปีน “หน้าผาต้นไม้ยักษ์” หรือโรยตัวลงมาจากเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้ได้

รวมถึงสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมไต้หวันผ่านจอ 5 มิติ ที่สัมผัสได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และจำลองการใช้ชีวิตของคนไต้หวันโบราณ ผ่านโรงจอดรถเล็ก ๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชม (ปิดบริการทุกวันอังคาร)

และ 3. Zhengbin Fishing Harbor หรือ “บูราโนแห่งไต้หวัน” ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะเหอผิง นครจีหลง เป็นท่าเรือที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวัน และเป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานแข่งเรือมังกรในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เรือประมงที่มีชื่อว่า “เรือศิลปะพื้นบ้าน” พิพิธภัณฑ์เรือแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนทะเล สำหรับอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ได้รับการเติมแต่งสีสันที่สวยสดงดงาม ในช่วงเวลาสาย ๆ จะมีเงาของอาคารสีสดสาดแสงส่องเป็นเงาลงมายังพื้นน้ำสีเขียวมรกตจนถูกเรียกขานกันว่าเป็น “บูราโนแห่งไต้หวัน” เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

“สิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงท่าเรือแห่งนี้คือ การกินชิกุวะสไตล์ไต้หวันที่เสียบไม้ย่างร้อน ๆ ที่รับรองว่าหอมอร่อย ถูกปากรสชาติคนไทย โดยท่าเรือแห่งนี้เปิดทำการทุกวันและสามารถเดินทางมาได้ด้วย Taiwan Tourist Shuttle”

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจเดินทางไปเที่ยวไต้หวันนั้น นางสาวซินดี้กล่าวว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบทัวร์ ผ่านกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!”

โดยนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์ไต้หวัน ขั้นต่ำ 24,000 บาท กับบริษัททัวร์ที่ร่วมรายการ จะได้รับบัตร Easy Card บัตรที่สามารถใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อชานมไข่มุก มาสก์หน้า ช็อปปิ้งสินค้าในตลาดกลางคืนในมูลค่า NT$599 และของที่ระลึกสำหรับการเดินทางอีก 1 ชุด

“ตอนนี้คนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่จำเป็นที่จะต้องกักตัว ไม่มีการระบุเงื่อนไขด้านวัคซีน และไม่ต้องขอวีซ่าการเดินทาง เพียงแต่ขอความร่วมมือในการตรวจ ATK ที่ได้รับจากทางสนามบินเมื่อเดินทางถึงไต้หวัน และขอความร่วมมือให้ตรวจทุก 2 วัน หากมีการออกนอกที่พัก” นางสาวซินดี้กล่าว

และว่า ไต้หวันพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ได้สัมผัสกับสถานที่ที่สวยงาม เทศกาลต่าง ๆ ตลอดจนวัฒนธรรมและอาหารที่หลากหลายสมกับเป็นจุดมุ่งหมายที่ขึ้นชื่อว่าหัวใจแห่งเอเชีย หรือ The Heart of Asia นอกจากนี้การท่องเที่ยวไต้หวันยังมีแผนเข้าร่วมงาน Thailand International Travel Fair (TITF) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกด้วย