ไทยแอร์เอเชีย ยันเครื่องบินพร้อม-พนักงานพอ หากจีนเปิดประเทศ

เครื่องบินแอร์บัส เอ321 สายการบินไทยแอร์เอเชีย

ไทยแอร์เอเชีย เผยปี’65 ขนส่งผู้โดยสารแตะ 10 ล้านคน ตั้งเป้าปีหน้าผู้โดยสารพุ่งเท่าตัว ยืนยันมีเครื่องบินพร้อม-พนักงานเพียงพอรองรับการขยายเส้นทางบินหากจีนเปิดประเทศ ปรับราคาตั๋ว 20-25% รับราคาน้ำมันแพง

วันที่ 20 ธันวาคม 2565 นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินครึ่งปีหลังฟื้นตัวมากขึ้น

โดยไตรมาสที่ 3/2565 สายการบินมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น 10 จุด สู่ระดับ 32% ทำให้สายการบินครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ของสายการบินในประเทศไทย

ผู้โดยสารแตะ 10 ล้านคน แต่ยังขาดทุน

ส่วนไตรมาสที่ 4/2565 สายการบินมีปริมาณที่นั่งโดยสาร (Capacity) ของเส้นทางบินในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 90% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2562 ขณะที่เส้นทางบินในประเทศอยู่ที่สัดส่วนประมาณ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนการเกิดโควิด-19 และอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) อยู่ที่ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน

นายสันติสุขระบุว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีสายการบินได้กลับมาให้บริการ รวมถึงเพิ่มความถี่เที่ยวบินเส้นทางบินต่างประเทศ เช่น กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-ฟูกูโอกะ, ไทเป, ธากา (บังกลาเทศ), สิงคโปร์ โดยเส้นทางที่มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารแข็งแกร่ง คือ เส้นทางอินเดีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย ขณะที่เส้นทางธากา มีปริมาณผู้โดยสารในเที่ยวบินขาออกที่น้อยกว่าเที่ยวบินขาเข้าอยู่

“สำหรับปี 2565 คาดว่าสายการบินไทยแอร์เอเชียจะสามารถขนส่งผู้โดยสารประมาณ 10 ล้านคน เราคาดว่าสายการบินจะมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยทั้งปี (Load Factor) อยู่ที่ประมาณ 81% และอัตราการใช้ประโยชน์เครื่องบินเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 9 ชั่วโมงต่อวัน”

“คาดว่าผลประกอบการปีนี้ยังขาดทุน ส่วนหนึ่งเกิดจากต้นทุนจากเครื่องบินที่ยังไม่ได้ใช้งาน ส่วนปี 2566 เรามองว่าถ้าสามารถปิดช่องว่าง ๆ ต่างได้ คาดว่าอาจเห็นผลประกอบการเป็นบวก” นายสันติสุขกล่าว

ตั้งเป้าปี 2566 ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัว

นายสันติสุขกล่าวว่า จากข้อมูลการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า ในปี 2566 ชาวไทยจะออกเดินทางในประเทศในกรณีฐานจำนวน 130 ล้านคน-ครั้ง หรือ ในกรณีที่ดีที่สุด (Best Case Scenario) 135 ล้านคน-ครั้ง

ขณะเดียวกันประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าประเทศไทย ในกรณีฐานจำนวน 18 ล้านคน-ครั้ง และกรณีที่ดีที่สุดจำนวน 30 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งตัวแปรสำคัญคือนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

“ปี 2566 เราตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสารทั้งสิ้น 20 ล้านคน จากเดิม 10 ล้านคนในปีนี้ ตั้งเป้ามีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 87-88% มีสัดส่วนผู้โดยสารเส้นทางในประเทศต่อต่างประเทศอยู่ที่ 60% และ 40% ตามลำดับ และมีสัดส่วนรายได้จากเส้นทางในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ 40% และ 60%” นายสันติสุขกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังประเมินว่าจำนวนเที่ยวบินในประเทศจะกลับมาฟื้นตัวเท่าปี 2562 ในช่วงต้นปี 2566 นี้ ส่วนจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ คาดว่าจะกลับมาเท่ากับก่อนการระบาดของโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566

จีนเปิดประเทศ : กุญแจสำคัญฟื้นยอดผู้โดยสาร

นายสันติสุขกล่าวว่า ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชียทำการบินไปเส้นทางประเทศจีน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือ เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-เสิ่นเจิ้น และกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-หางโจว ซึ่งเป็นเหมือนการอุ่นเครื่องของรัฐบาลจีนเพื่อศึกษาทิศทางการเปิดประเทศ

“การเปิดประเทศของจีน คือปัจจัยหลักของปีหน้า มองว่ารัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และน่าจะเห็นความชัดเจนของทิศทางการผ่อนคลายมาตรการหลังเทศกาลตรุษจีน ในส่วนของสายการบินเองได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินเส้นทาง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-ฮ่องกง เป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์” นายสันติสุขกล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวขาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด

เครื่องพร้อม-พนักงานพอ

นายสันติสุขกล่าวว่า หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมการบินเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากการปรับลดพนักงานช่วงโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสายการบินเองซึ่งมีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานดอนเมืองขอยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเพียงพอ

ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชีย ทำการบินราว 1,000 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใช้เครื่องบินปฏิบัติการอยู่ทั้งสิ้น 43 ลำ จากฝูงบินทั้งหมด 53 ลำ หรือมีเครื่องบินสำรองอยู่จำนวน 10 ลำที่ยังไม่ได้กลับมาให้บริการ ทำให้สายการบินยังมีเครื่องบินเพียงพอต่อการขยายเส้นทาง เพิ่มความถี่ รวมถึงพร้อมรองรับการเปิดประเทศของจีน

จากการที่ไทยแอร์เอเชียตั้งเป้าในปี 2566 ขนส่งผู้โดยสาร 20 ล้านคน นายสันติสุขระบุต่อไปว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำเครื่องบินทั้ง 53 ลำกลับมาใช้งานได้ทั้งหมด พนักงานกลับมาปฏิบัติงานเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันสายการบินใช้วิธีหมุนเวียนพนักงานให้ทุกคนกลับมาทำงาน แต่อาจมีปริมาณชั่วโมงการทำงานน้อยกว่าเดิมอยู่

“เรามีเครื่องบินอยู่ 10 ลำที่พร้อมรองรับเส้นทางจีนหากทางการจีนเปิดประเทศ และเมื่อเครื่องบินกลับมาบินได้ทุกลำ รายได้พนักงานก็จะกลับมาเท่าเดิม” นายสันติสุขกล่าว

จับตาราคาน้ำมัน

นายสันติสุขกล่าวว่า การเปิดประเทศของจีนยังคงเป็นปัจจัยหลักของปี 2566 ส่วนเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น ประเมินว่า อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางในระยะใกล้มากขึ้น แต่เชื่อว่าผู้คนยังออกเดินทาง และปีหน้าภาคท่องเที่ยวจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวหลักของไทย ดังนั้น สายการบินราคาประหยัดยังเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อสถานการณ์ดังกล่าว

สำหรับราคาน้ำมันนั้น คาดว่าเป็นตัวแปรสำคัญของธุรกิจสายการบินในปี 2566 โดยประเมินเบื้องต้นว่าราคาน้ำมันเครื่องบินจะรักษาระดับที่ราว 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และปัจจุบันสายการบินเองไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Oil Price Hedging)

จากสถานการณ์น้ำมันที่มีราคาสูง ทำให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)​ อนุญาตให้สายการบินปรับขึ้นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยไทยแอร์เอเชียได้ปรับขึ้นราคาบัตรโดยสารประมาณ 20% หรือประมาณ 200-250 บาท

“ค่าเงิน ราคาน้ำมัน ความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศของจีน คือสิ่งที่ต้องจับตา แต่เชื่อว่าปีหน้าภาคการท่องเที่ยวไทย ยืนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ” นายสันติสุขกล่าว