“เซ็นทารา” ปั้นแบรนด์หรู จับไฮเอนด์หนุนกำไรเพิ่ม

“เซ็นทารา” รุกปั้นแบรนด์ลักเซอรี่ใหม่ เตรียมเปิดตัวกลางปีนี้ จ่อดึงโรงแรมเก่าใน “สมุย-หัวหิน” มารีแบรนด์นำร่อง พร้อมกางแผนขยายแบรนด์ราคาประหยัด “โคซี่” เป็น 40 แห่ง ภายใน 5 ปี หวังกินรวบทุกเซ็กเมนต์ ลั่นไม่หวั่น “มัลดีฟส์” แข่งดุ เทงบฯอีกกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ปักธง 4 ดาวเพิ่มอีก 2 แห่ง

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) หรือเซ็นเทล เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมประกาศเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ระดับลักเซอรี่ในช่วงกลางปีนี้ หลังจากทำวิจัยการตลาดแล้วเห็นถึงศักยภาพการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับหรูหรา ทำให้สามารถทำราคาห้องพักได้สูง เพิ่มอัตราทำกำไรหรืออัตราผลตอบแทน (ยีลด์) ได้ดีขึ้น

ด้านนายกันย์ ศรีสมพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหารสินทรัพย์ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าฯ กล่าวเสริมว่า แบรนด์โรงแรมใหม่ดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 5.5 ดาว สูงกว่าเซ็นทาราแกรนด์ซึ่งเป็นแบรนด์ 5 ดาว สูงสุดที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาโรงแรมที่มีอยู่แล้วในเครือนำมาปรับปรุงแล้วรีแบรนด์และสวมแบรนด์ใหม่ระดับลักเซอรี่นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในปี 2562

โดยเบื้องต้นมี 2 แห่งคือโรงแรมที่สมุยและหัวหิน โดยได้แบ่งแนวทางและคอนเซ็ปต์ไว้ 2 แบบ ได้แก่ แนวร่วมสมัย (Contemporary) และแนวดั้งเดิม (Traditional หรือ Heritage) ขึ้นกับความต้องการของเจ้าของโรงแรม นอกจากนี้ยังมีเจ้าของโรงแรมในต่างประเทศสนใจนำแบรนด์ใหม่นี้ไปใช้ เช่น ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

สำหรับแบรนด์โคซี่ (COSI) ซึ่งเป็นโรงแรมราคาประหยัด หลังจากเปิดให้บริการไปเมื่อปีที่แล้วคือ โคซี่ สมุย ขณะนี้มีแผนขยายให้มีทั้งหมด 40 แห่งภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยจะเน้นลงทุนภายในประเทศไทยก่อน ทั้งนี้ โดยเฉพาะโลเกชั่นในตัวเมืองเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องติดชายหาด

นายกันย์กล่าวด้วยว่า งบการลงทุนของบริษัทในส่วนของธุรกิจโรงแรมปีนี้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับลงทุนก่อสร้างโรงแรมใหม่ โคซี่ พัทยา 280 ล้านบาท อื่น ๆ เป็นการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เข้ามาชดเชย รวมถึงรีโนเวตห้องพักและการพัฒนาระบบ เช่น โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ หลังเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2550

โดยปีนี้จะเริ่มทยอยรีโนเวตตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งเป็นช่วงที่มีลูกค้าเข้าพักจำนวนมาก คาดว่าใช้ระยะเวลารีโนเวตทั้งหมดราว 1-2 ปี

ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานของสำหรับปีนี้นายกันต์กล่าวว่า คาดว่าปีนี้จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 81-82% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วซึ่งปิดไป 82.7% ขณะที่รายได้ต่อห้องพักคาดว่าจะเติบโต 3-4% จากกลยุทธ์เร่งสร้างการเติบโตของราคาห้องพัก และมีรายได้จากการปฏิบัติงานของโรงแรม 2 แห่งที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว และจะเปิดให้บริการเต็มปีในปีนี้ คือโรงแรม โคซี่ สมุย และโรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ด้านแผนลงทุนใหม่นั้นปีนี้เครือเซ็นทาราจะเปิดให้บริการโรงแรมใหม่เพียง 1 แห่ง ขนาด 265 ห้อง ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เพราะโรงแรมใหม่ส่วนใหญ่มีกำหนดเปิดในปี 2562 เช่น โคซี่ พัทยา ขณะที่ปี 2563 เตรียมเปิดให้บริการโรงแรมที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขนาดใหญ่กว่า 600 ห้อง และสวนน้ำขนาดใหญ่ โดยบริษัทถือสัดส่วนการลงทุนที่ 40% ส่วนอีก 60% เป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในดูไบ

นายรณชิตกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้บริษัทได้ไปลงทุนในสิทธิการเช่าลากูน (เกาะที่อยู่ใต้น้ำ) ในประเทศมัลดีฟส์เพื่อถมเกาะเพิ่ม 5 เกาะ โดยเตรียมสร้างโรงแรมใหม่ระดับ 4 ดาว 2 แห่ง ตั้งอยู่บน 2 เกาะจากใน 5 เกาะดังกล่าวโดยใช้งบลงทุนรวมประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2563 ทำให้ในปี

ดังกล่าวบริษัทจะมีโรงแรมในมัลดีฟส์ทั้งหมด 4 แห่ง และคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์เพิ่มเป็นประมาณ 25-30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งครองสัดส่วนอยู่ 19%

“แม้การแข่งขันในมัลดีฟส์จะรุนแรงและมีการตัดราคากันสูงมาก แต่เนื่องจากกระแสนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงมีปริมาณการเข้ามาเที่ยวมัลดีฟส์อย่างต่อเนื่อง โดยใน 2 เดือนแรกของปีนี้มีการเติบโตดี ประกอบกับที่ตั้งของ 2 เกาะดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถนั่งสปีดโบ๊ตไปที่โรงแรมได้เลย การเลือกแบรนด์ระดับ 4 ดาวของเครือเซ็นทาราจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม” นายรณชิตกล่าว