“เมอเวนพิค” หนุนไทยขึ้นฮับภูมิภาคเอเชีย

เมอเวนพิค โฮเทลฯ รุกหนักตลาดเอเชีย พร้อมวางไทยขึ้นฮับการขยายธุรกิจ ตั้งเป้าภายใน 10 ปี มีโรงแรมในเครือข่ายบริหารไม่ต่ำกว่า 30 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชีย

นายมาร์ค วิลลิส ประธานและผู้บริหาร เมอเวนพิค โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย ด้วยการเปิดตัวเมอเวนพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา กะรนบีช ภูเก็ต ในปี 2549 ปัจจุบันได้ขยายกิจการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์เมอเวนพิคฯ ในประเทศไทยไปแล้วรวม 6 แห่ง ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุขุมวิท 15), ภูเก็ต (2 แห่ง กะรนและบางเทา), พัทยา, เมอเวนพิค รีสอร์ท เขาใหญ่ และเมอเวนพิค สุริวงศ์ โฮเทล เชียงใหม่

โดยในปีนี้ได้ลงนามในสัญญาบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยการขยายตัวครั้งนี้จะทำให้เมอเวนพิคฯเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยจำนวนห้องพักมากกว่า 1,800 ห้อง ทั่วประเทศไทยในปี 2562 ได้แก่ เมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน จะเปิดให้บริการในปลายปีนี้ ในขณะที่เมอเวนพิค รีสอร์ท ไม้ขาว ภูเก็ต มีแผนจะเปิดให้บริการในปี 2562

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับเมอเวนพิค โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อย่างมาก ไม่เพียงแต่จะเป็นประตูสู่เอเชีย และเป็นหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวและการบริการที่เฟื่องฟูที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคนี้ แต่ยังมีศักยภาพในการพัฒนาที่แข็งแกร่งสำหรับเราอีกด้วย โดยการขยายตัวธุรกิจในภูมิภาคเอเชียของเราภายในปี 2562 นี้ จะอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยกว่า 30%” นายมาร์คกล่าว

และว่า สำหรับในภูมิภาคเอเชียนั้น ปัจจุบันเมอเวนพิค โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท บริหารงานให้กับโรงแรมและรีสอร์ต 11 แห่ง ใน 6 ประเทศของภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย โรงแรมและรีสอร์ต 6 แห่งในประเทศไทย และอย่างละแห่งในประเทศจีน, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ศรีลังกา และเวียดนาม และมีโครงการที่เซ็นสัญญาบริหารงานแล้ว 17 แห่ง ซึ่งจะเปิดตัวทั้งหมดภายในปี 2563 นี้ ซึ่งจะทำให้แบรนด์เมอเวนพิคฯ ขยายเป็น 28 แห่งทั่วเอเชีย และยังตั้งเป้าหมายบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ตอย่างน้อย 30 แห่งในภูมิภาคเอเชียภายใน 10 ปี โดยโครงการที่เซ็นสัญญาแล้ว ได้แก่ เวียดนาม 5 แห่ง, ประเทศไทย 4 แห่ง, มาเลเซีย 3 แห่ง, บังกลาเทศ 2 แห่ง และในจีน ฟิลิปปินส์ และมัลดีฟส์ ประเทศละ 1 แห่ง

“เราตั้งเป้าว่าการพัฒนาธุรกิจทั่วทวีปเอเชีย โดยจะโฟกัสที่กลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว ด้วยการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการมาตรฐานสวิสที่แข็งแกร่งของเราให้ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่จะเพิ่มมากขึ้นทั่วโลกในปีนี้” นายมาร์คกล่าวปิดท้าย