ททท.อัดงบโหมเที่ยวเมืองรอง ดันพื้นที่ใหม่รับมาตรการภาษี

ททท.ทุ่ม 400 ล้าน ชูแคมเปญ Go Local โหมเที่ยว 55 เมืองรอง กระจายนักท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นกว่า 10 ล้านคน ชงพื้นที่รองในเมืองหลัก 21 จังหวัด ขึ้นบัญชีพื้นใหม่รับมาตรการส่งเสริมด้านภาษี หนุนเศรษฐกิจ-GDP ประเทศ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองว่า จากปัญหาการกระจุกตัวอยู่ของนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในเมืองหลักอยู่เพียง 5-6 จังหวัดเท่านั้น คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ททท.หันมาโฟกัสกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง ด้วยการออกแคมเปญ “12 เมืองที่ต้องห้ามพลาด” และ “12 เมืองที่ต้องห้ามพลาด พลัส” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ทั้ง 24 จังหวัดเพิ่มขึ้นราว 20%

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า จากผลตอบรับที่ดี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จึงมีนโยบายและให้ความสำคัญกับการกระจายตัวนักท่องเที่ยวให้ลงไปสู่เมืองรองอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ขณะนี้ ททท.กำลังขออนุมัติงบประมาณกลางปีจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 410 ล้านบาท สำหรับทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็น “quick win” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและจีดีพีของประเทศ รวมถึงกระจายรายได้ลงไปสู่ชุมชนอีกมิติหนึ่งด้วย

นอกจากมาตรการส่งเสริมด้านภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาแล้ว ททท.ได้ทำแคมเปญ “Amazing Thailand Go Local : เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เพื่อครีเอตดีมานด์ในการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและเมือรอง รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านซัพพลาย ซึ่งในแคมเปญดังกล่าวนี้ประกอบด้วย 7 โครงการหลัก ประกอบด้วย 1. Enjoy Local : ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากขึ้น 2. Set in the Local : ให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดประชุม สัมมนา และกิจกรรมซีเอสอาร์ในชุมชนและเมืองรอง 3. Local Link : ผนึกบริษัททัวร์ จัดแพ็กเกจเที่ยวเมืองรอง รวมถึงออกแบบการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงหลากหลายรูปแบบ 4. Eat Local : โปรโมตอาหารถิ่น ที่ใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นในทุกภาค 5. Our Local : เชิดชูวัฒนธรรมประเพณี และอัตลักษณ์ท้องถิ่นทุกภูมิภาค 6. Local Heroes : กิจกรรมโมบาย คลินิก เพื่อการพัฒนาคน สร้างความแข็งแกร่งของชุมชนจากองค์ความรู้ต่างๆ และ 7.Local Strenght : บูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความเข้มแข็ง พร้อมพัฒนาเรื่องครีเอทีฟ ทัวริซึ่ม ในแหล่งท่องเที่ยว สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่

“แคมเปญดังกล่าวนี้เป็นการกระจายโอกาสในเชิงพื้นที่ โดยคาดว่าปีนี้จะสามารถกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรองและชุมชนได้กว่า 10 ล้านคน พร้อมทั้งปรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศในพื้นที่เมืองหลักต่อเมืองรองจากเดิม 70:30 เป็น 65:35 ในปี 2561 นี้ รวมทั้งกระจายโอกาสในเชิงรายได้ ด้วยการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวฐานรากได้อีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากเมืองรอง 55 จังหวัดแล้ว ขณะนี้ ททท.ได้เสนอให้อำเภอในพื้นที่รอง ในเมืองหลักอีก 21 จังหวัดให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรการส่งเสริมด้านภาษีเช่นเดียวกับ 55 เมืองรองด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวกระจายไปยังทุกพื้นที่ได้ทั่วถึงอย่างแท้จริง ซึ่งตอนนี้ ททท.ได้ทำการคัดเลือกพื้นที่รองในเมืองหลักดังกล่าวเรียบร้อยแล้วและได้ส่งไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีเวลาในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้าได้ทัน

ในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ททท.มีแผนทำแคมเปญออนไลน์ “Online Global Campaign” สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยเข้ามาเที่ยวครั้งแรก เนื่องจากกลุ่มที่มาเที่ยวครั้งแรกจะมีการใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างสูง โดยมีแผนทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ด้วย

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยรวมในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 ที่ผ่านมาด้วยว่า มีนักท่องเที่ยว 7.11 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีการขยายตัวสูงมากเนื่องจากตรงกับเทศกาลตรุษจีน ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเกิน 1 ล้านคน จากการเติบโตดังกล่าวนี้ World Tourism Organization หรือ UNWTO ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก