ว่ากันว่าปัจจุบัน Airbnb มีจำนวนผู้ให้บริการที่พัก (โฮสต์) มากกว่า 4 ล้านคน และได้ต้อนรับแขกผู้เข้าพักมากกว่า 1.4 พันล้านคนในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
รายงานวิจัยล่าสุดจาก ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ (Oxford Economics) สำนักงานวิจัยชั้นนำของโลกระบุว่า Airbnb เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Airbnb สร้างรายได้ 31,000 ล้านบาท ให้กับ GDP ประเทศไทย รวมถึงช่วยส่งเสริมการจ้างงานในประเทศไทยเกือบ 56,500 ตำแหน่งงาน คิดเป็น 1.7% ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อ GDP
นอกจากนี้ ยังพบว่าในปี 2565 นักเดินทาง Airbnb มีการใช้จ่ายในประเทศไทยเกือบ 41,000 ล้านบาท โดยสร้างรายได้กระจายไปในธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าปลีก การเดินทาง และที่พัก เป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 500% จากปี 2564 และเพิ่มขึ้น 72% จากปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19
โดยมีค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางของผู้เข้าพัก Airbnb เฉลี่ยที่ 34,000 บาทต่อทริป
“เจมส์ แลมเบิร์ต” ผู้อำนวยการด้านที่ปรึกษาเศรษฐกิจในเอเชีย อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ให้ข้อมูลว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 Airbnb มีบทบาทที่สำคัญในการรับมือและฟื้นฟูการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
โดย Airbnb กลายเป็นหัวใจสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระแสการเดินทางรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวกระจายตัวออกสู่ชุมชนต่าง ๆ ในชนบทมากขึ้น ตลอดจนการเดินทางเข้าพักระยะยาวเพิ่มขึ้น เช่น ปรากฏการณ์ที่ผู้คนใช้ชีวิตและทำงานได้จากทุกที่ หรือ Live and Work Anywhere
พร้อมระบุว่า นักเดินทางท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยนักเดินทางไทยเห็นว่าการท่องเที่ยวในประเทศสามารถทดแทนการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในวันหยุดได้
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวและการเดินทางภูมิภาคต่าง ๆ จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมีการกระจายตัวมากขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่นอกจุดหมายปลายทางยอดนิยม
ขณะที่ “มิช โกห์” หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวันของ Airbnb บอกว่า การมีส่วนร่วมในการสร้างรายได้ต่อ GDP และการจ้างงานที่ขับเคลื่อนโดยการเดินทางกับ Airbnb ในประเทศไทยได้สร้างผลทวีคูณต่อเศรษฐกิจ โดยช่วยสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นให้เติบโตขึ้น อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการทำให้นักเดินทางเชื่อมต่อกับชุมชน และช่วยให้เกิดการสร้างงานให้กับชุมชนอีกด้วย
นอกจากนี้ รายงานวิจัยยังพบการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการเดินทาง 2 ประการ ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ การพำนักระยะยาวที่ได้รับการสนับสนุนจากการทำงานที่ยืดหยุ่น และการท่องเที่ยวที่กระจายตัวออกนอกเขตเมืองมากขึ้น
โดยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดนักเดินทางขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งคิดเป็น 14% ของผู้เข้าพักต่างชาติทั้งหมดของ Airbnb โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพักระยะยาว (การเข้าพัก 28 คืนขึ้นไป) คิดเป็น 35.6% ของจำนวนคืนของการจองที่พักทั้งหมดในประเทศไทยปี 2565 โดยเพิ่มขึ้น 13.9% จากปี 2562
“การเข้าพักระยะยาวมีการเติบโตตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งจากโครงการ Live and Work Anywhere ของ Airbnb ที่ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งผลให้จุดหมายปลายทางต่าง ๆ ของประเทศไทยดึงดูดให้นักเดินทางเข้าพักระยะยาวและใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นต่อหนึ่งการเดินทาง ในขณะที่จุดหมายปลายทางทั่วประเทศไทยต่างฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง”
“มิช โกห์” ยังบอกอีกว่า จากรายงานยังระบุว่า Airbnb ช่วยกระจายผลประโยชน์จากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่นอกจังหวัดหลัก ๆ อย่างกรุงเทพฯ และภูเก็ต เนื่องจากนักเดินทาง Airbnb มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวตามภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เกาะสมุย พัทยา และกระบี่ ในช่วงระหว่างปี 2563-2565