
ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่า สิ้นปี 2566 นี้ประเทศไทยจะได้นักท่องเที่ยวจีนรวมที่ประมาณ 3.4-3.5 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.01-4.4 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นความหวังสำคัญที่จะช่วยผลักดันเป้าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 35 ล้านคน และมีรายได้รวมที่ 3 ล้านล้านบาทในปี 2567
ก่อนหน้านี้ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยพร้อมต้อนรับและรอคอยการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว โดยเฉพาะตลาดจีน โดยททท.ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในปี 2567 ไว้ที่จำนวน 8.5 ล้านคน
โดยเตรียมเสนอรัฐบาลให้ต่ออายุมาตรการวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนที่จะหมดลงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น (Ease of Travelling)
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ผู้ประกอบการนำเที่ยว (เอเย่นต์ทัวร์) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเมืองเซี่ยงไฮ้ หูเป่ย และเฉิงตู ในโอกาสร่วมเดินทางไปงาน TAT & ATTA Road Show to China 2023 กับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ถึงมุมมองของตลาดนักท่องเที่ยวขาออก (Outbound) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
รวมถึงแนวโน้มของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ไว้ดังนี้
“เจี๋ย เจี้ยนจุน” หูเป่ย อิน เจอร์นี่
“เจี๋ย เจี้ยนจุน” เจ้าของบริษัท หูเป่ย อิน เจอร์นี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันประชากรในพื้นที่มณฑลหูเป่ยและพื้นที่เขตติดต่อรอบ ๆ สนใจออกเดินทางเป็นจำนวนมาก แต่สายการบินฟื้นกลับมาเพียงแค่ประมาณ 10% เท่านั้น ขณะที่ดีมานด์ลูกค้ากลับมาแล้วประมาณ 30%
กล่าวคือดีมานด์ฟื้นเร็วกว่าสายการบิน ทำให้เจอปัญหาจำนวนที่นั่งสายการบินไม่พอรองรับนักท่องเที่ยว
ปัจจุบันบริษัทจึงหันไปทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTA และขายลูกค้าในเมืองปักกิ่ง กว่างโจว ซิงเต่า ฉงชิ่ง เฉิงตู ฯลฯ เพื่อขยายฐานตลาดไปทั่วสาธารณรัฐประชาชนจีน
“ยอมรับว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดี แต่คนก็ยังออกเดินทาง ซึ่งอาจกระทบการใช้จ่ายต่อทริป แต่ประเด็นสำคัญคือประเทศไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่คุ้มค่าสำหรับคนจีน จึงเชื่อว่าในปีหน้าจะมีคนจีนไปเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขอแค่อย่าเกิดเหตุการณ์แบบสยามพารากอนอีก ซึ่งในส่วนของเราตั้งเป้าว่าปี 2567 นี้จะกลับมามีลูกค้าได้เท่าปีกับปี 2562”
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่ากังวัลคือ ปัจจุบันมาเลเซียได้ยกเว้นวีซ่าให้คนจีนแล้ว และสิงคโปร์ก็กำลังจะประกาศ ทำให้ลูกค้าสอบถามโปรแกรมเดินทางของ 2 ประเทศนี้เพิ่มขึ้นแล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าหลังสิ้นสุดมาตรการยกเว้นวีซ่าในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแล้วจะยังต่อหรือไม่ ทำให้ลูกค้าบางส่วนชะลอดูความชัดเจน

“อยากให้ประเทศไทยจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเยอะ ๆ ตลอดทั้งปี พร้อมทั้งเชิญมีเดีย เอเย่นต์ และพันธมิตรต่าง ๆ ไปร่วมงาน เพื่อนำมาสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าในจีนด้วย”
และทิ้งท้ายว่า อยากให้รัฐบาลไทยพิจารณาเรื่องการต่อมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีนต่อไปอย่างน้อยสัก 1 ปี หรือหากได้ตลอดไปจะยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้คนจีนไปเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ไทยยกเว้นวีซ่าทำให้ที่ผ่านมามีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 20%
“หยีว์ ผิง” ซ่างไห่ ว่าน กั๋ว
“หยีว์ ผิง” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ซ่างไห่ ว่าน กั๋ว อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัทโฮลเซลรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมา 25 ปี มีสาขาดูแลตลาดทั่วสาธารณรัฐประชาชนจีน บอกว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนคลายความกังวลประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัยของประเทศไทยตามกระแสข่าวในสื่อโซเชียลแล้ว
ทั้งในส่วนที่เป็นเฟกนิวส์ตามกระแสหนัง และจากเหตุยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน และเชื่อว่าแนวโน้มหลังจากสิ้นปีนี้เป็นต้นไปสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนเองก็จะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
“เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เริ่มลืมข่าวลบ ประกอบกับคนจีนชอบเมืองไทยอยู่แล้ว ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็ว”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดกระแสข่าวเชิงลบออกมา เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวจีนออกไปประเทศไทยเพิ่มขึ้น
พร้อมบอกว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผลต่อการออกเดินทางท่องเที่ยวของคนจีน แต่ที่ผ่านมาภาพรวมของ “ซ่างไห่ ว่าน กั๋ว” เติบโตดีต่อเนื่อง เพราะคนจีนในโซนตะวันออกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง นิยมสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ จึงมีศักยภาพในการออกเดินทางท่องเที่ยวในอันดับแรก ๆ หลังจากเปิดประเทศ

และหลังจากรัฐบาลไทยออกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือวีซ่าฟรี พบว่าบริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 30% โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย ส่วนเชียงใหม่ก็เริ่มมีสัญญาณมาแล้ว
โดยส่วนใหญ่เน้นโปรแกรมการเดินทางแบบเทเลเมดมากขึ้น นิยมเดินทางกรุ๊ปขนาดเล็ก 4-8 คน นอกจากนี้ยังมีตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์อีกส่วนหนึ่งด้วย
“ที่ผ่านมากลุ่มไฮเอนด์ยังนิยมเดินทาง และนิยมใช้บริการที่เป็นวีไอพี ส่วนกลุ่มมิดเดิลคลาส ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประชากรจีนนั้นยอมรับว่าได้รับผลกระทบ”
“หยีว์ ผิง” ให้ข้อมูลด้วยว่า ขณะนี้กำลังรับบุ๊กกิ้งการเดินทางในช่วงปลายปีและช่วงเทศกาลปีใหม่ (ตรุษจีน) ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้เชื่อว่าปีนี้บริษัทจะกลับมาฟื้นตัวได้ประมาณ 50% ของปี 2562 และกลับมาได้เท่ากับปี 2562 ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
เพราะคนจีนชอบเมืองไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“จิง จื่อหง” เฉิงตู ฟรี เจอร์นีย์
“จิง จื่อหง” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฉิงตู ฟรี เจอร์นีย์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด เอเย่นต์ในมณฑลเฉิงตู บอกว่า ภาพรวมการเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยของคนจีนในพื้นที่เฉิงตูและมณฑลใกล้เคียงปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นตลาดที่ฟื้นตัวเร็วและดีกว่าตลาดอื่น
โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นที่นิยมมากที่สุด ปัจจุบัน “เฉิงตู ฟรี เจอร์นีย์ฯ” ทำตลาดชาร์เตอร์ไฟลต์ลงสมุยเป็นหลัก ปัจจุบันให้บริการโดยเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จากเฉิงตูสู่สมุยจำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 (ช่วงเปิดประเทศ)
และมีแผนเพิ่มเที่ยวบินชาร์เตอร์สู่สมุยเป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในวันที่ 3 มกราคม 2567 (ก่อนโควิดให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์) พร้อมทั้งเพิ่มชาร์เตอร์ไฟลต์เส้นทางฉงชิ่งสู่สมุยอีกจำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จำนวนนี้ยังไม่เท่ากับในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่ให้บริการจำนวน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

“เราเปิดตลาดเมื่อเดือนมีนาคม 2566 เดือนกรกฎาคม ททท.ให้การสนับสนุนเราไปโรดโชว์ที่สมุย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก แต่กระแสข่าวลบในสื่อออนไลน์ส่งผลกระทบ โดย ททท.ให้การสนับสนุนหลายเรื่อง ทำให้เรามีกำลังใจในการทำการตลาด และมองว่าตลาดไทยเป็นตลาดที่มีความหวังมากที่สุด”
“จิง จื่อหง” บอกด้วยว่า ปัจจุบันสายการบินที่เคยให้บริการจากเฉิงตูไปไทยนั้นกลับมาให้บริการครบทั้ง 14 สายการบินแล้ว ขณะที่จำนวนที่นั่งฟื้นกลับมาประมาณ 34%
แต่เชื่อมั่นว่าปีหน้าภาพรวมจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน
“ซ่ง เถา” ซื่อชวน โกลบอล ทัวริสซึ่ม
“ซ่ง เถา” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซื่อชวน โกลบอล ทัวริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด เอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่เมืองเฉิงตู บอกว่า ส่วนตัวยอมรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ทำให้เดสติเนชั่น ประเทศไทยขายดี
โดยปัจจุบันมีสายการบินจากเฉิงตูไปกรุงเทพฯ 8 สายการบิน ไปภูเก็ต 4 สายการบิน ไปเชียงใหม่ สมุย และหลีเป๊ะ ผ่านลังกาวี มาเลเซีย (เริ่มตรุษจีน) เส้นทางละ 1 สายการบิน
“ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เอเย่นต์นิยมขายกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งจากที่มีข่าวไม่ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้องหยุดเส้นทางบินใหม่ไปก่อน แต่จะเริ่มกลับมาบินอีกครั้งตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2566 จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์”

ปัจจุบันสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณเมืองไทยและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่พยายามทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวดีขึ้น และทำให้นักท่องเที่ยวจีนก็อยากไปเที่ยวมากขึ้น
“เพื่อเป็นการขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อยากให้รัฐบาลไทยพิจารณาต่อมาตรการวีซ่าฟรีออกไปอีกอย่างน้อยคือ 1 ปี เพื่อให้การเดินทางสะดวกขึ้น เพราะตอนนี้มาเลเซียและสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา และอีกหลายประเทศได้ยกเลิกวีซ่ากับนักท่องเที่ยวจีนแล้ว”
พร้อมให้ข้อมูลว่าหลังจากที่ประเทศไทยใช้มาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับคนจีนทำให้เอเย่นต์ทัวร์ในจีนกลับมาทำธุรกิจกันอีกครั้ง
และย้ำว่า มาตรการยกเว้นวีซ่า หรือวีซ่าฟรีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีลูกค้าตัดสินใจเดินทางง่ายขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการเอเย่นต์ทัวร์ก็มีขั้นตอนที่ลดลง ทำให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนด้วย
“จาง ซินหมิน” ซื่อชวน ซ่างไห่ แอร์ไลน์
“จาง ซินหมิน” ผู้จัดการทั่วไป ซื่อชวน ซ่างไห่ แอร์ไลน์ ฮอลิเดย์ ทัวร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มณฑลเฉิงตู) ระบุว่า ก่อนโควิดทำตลาดส่งออกนักท่องเที่ยวจีนไปกว่า 10 ประเทศ แต่หลังโควิดและจีนเปิดประเทศ ได้หันมาโฟกัสขายประเทศไทยเพียงเดสติเนชั่นเดียว
หากไม่นับการเดินทางภายในประเทศ และฮ่องกง มาเก๊า ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นตลาดที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดของนักท่องเที่ยวจีน เพราะไทยอยู่ใน 20 ประเทศแรกที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์คนจีนเดินทางไปได้

ประกอบกับเมืองเฉิงตูเป็นพื้นที่ที่มีเที่ยวบินสู่ไทยจำนวนมาก ทำให้ภาพรวมทยอยฟื้นตัวอย่างชัดเจน
“กลุ่มซื่อชวน ซ่างไห่ฯ ของเราทำตลาดหลัก ๆ 2 พื้นที่คือ กรุงเทพฯ และภูเก็ต ปัจจุบันฟื้นกลับมาประมาณ 50% ของปีก่อนโควิด และในช่วงตรุษจีนต้นปีหน้าเรากำลังจะขายเดสติเนชั่นหลีเป๊ะจำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยผ่านสนามบินลังกาวี ประเทศมาเลเซีย” “จาง ซินหมิน” ยอมรับว่าที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนักของจีน บวกกับข่าวลบของประเทศไทยทำให้คนจีนชะลอการเดินทางท่องเที่ยวบ้าง
แต่พอมีมาตรการวีซ่าฟรีของไทยออกมาในช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 ทำให้ตลาดโดยรวมที่มองว่าน่าจะตกลงสัก 20-30% พลิกกลับมาเป็นบวกได้ประมาณ 30%
และเชื่ออย่างมากว่าในปีหน้าคนจีนพร้อมที่จะออกเดินทางในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะกลับมาได้ราว 70-80% เมื่อเทียบกับปี 2562
- ทัวร์จีนประสานเสียงพร้อมโหมเที่ยวไทย ยักษ์เอเย่นต์ร้องขอต่อวีซ่าฟรี
- ดีมานด์ทัวร์จีนคึกคัก เอเย่นต์แห่ร่วมงาน TAT & ATTA โรดโชว์เซี่ยงไฮ้
- ททท.บูสต์จีนเที่ยวภาคอีสาน เชื่อมเส้นทางด่านทางบก “รถไฟ-รถยนต์”
- จีนให้ “วีซ่าฟรี” พลเมือง 6 ประเทศศักยภาพสูง ดึงนักท่องเที่ยว-นักลงทุน
- วีซ่าฟรี ยังดีไม่พอ ? ททท.ยอมรับ ปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยหลุดเป้า