นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ต ผู้ให้บริการสายการบินโลว์คอสต์ระยะกลางและระยะไกล เปิดเผยว่า สายการบินมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)- สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 นี้เป็นต้นไป โดยมองว่าตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคนไทย ถึงแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงแต่ก็เชื่อว่ายังคงเป็นตลาดที่มีโอกาสสูงเช่นกัน
นายยอดชายกล่าวว่า นอกจากเส้นทางบินสู่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว สายการบินยังมีแผนเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ไม่ต่ำกว่า 4 จุดหมายปลายทาง อาทิ ระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)- นิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุมัติความถี่ที่ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เส้นทางบินสู่เกาหลี, ญี่ปุ่น (อีก 1 เมือง) และจีน ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้
“ตอนนี้นกสกู๊ตมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ ๆ เต็มที่ รอเพียงแค่องค์กรทางด้านการบินของแต่ละประเทศอนุมัติเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เมืองเดลี ประเทศอินเดีย ขณะนี้นกสกู๊ตได้สิทธิการบินแล้วรอแต่โควตาการบินพร้อมเท่านั้น หรือเกาหลีก็เป็นตลาดที่เราตั้งใจมานานและมีความพร้อมมาก แต่ก็ยังต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลเกาหลี กับองค์กรการบินพลเรือนของเกาหลีเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทย เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ของญี่ปุ่น เราก็พร้อมแต่ยังต้องรอให้ทางฝั่งญี่ปุ่นอนุมัติเช่นกัน” นายยอดชายกล่าว
และว่า สำหรับปีนี้นกสกู๊ตมีแผนรับมอบเครื่องใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 ลำ จากเดิมที่มีอยู่แล้วจำนวน 4 ลำ โดยลำแรกเข้ามาเมื่อ 24 เมษายนที่ผ่านมา
ส่วนอีก 4 ลำจะทยอยรับมอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับแผนการเปิดเส้นทางบินใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หรือหากนกสกู๊ตได้รับอนุมัติเส้นทางบินใหม่ ๆ ได้เพิ่มขึ้นก็พร้อมที่จะรับเครื่องใหม่เข้ามาเสริมาฝูงบินอย่างต่อเนื่อง
“สกู๊ตซึ่งเป็นพันธมิตรกับเราเป็นบริษัทลูกของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส ซึ่งสิงคโปร์แอร์ไลน์สเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเครื่องบินลำตัวกว้าง และเป็นสายการบินที่มีวอลุ่มการสั่งซื้อจำนวนมากต่อปี นกสกู๊ตจึงมีข้อได้เปรียบในจุดนี้ค่อนข้างสูง” นายยอดชายอธิบาย
นายยอดชายกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับเส้นทางบินระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง – นาริตะ) ประเทศญี่ปุ่น นั้นคาดว่าในปีแรกที่เปิดให้บริการนี้จะมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร หรือโหลดแฟ็กเตอร์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 83% และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารรวมทุกเส้นทางเฉลี่ยที่ประมาณ 88-89% ในปีนี้ และหนุนให้บริษัทมีรายได้รวมสำหรับปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 5,600 ล้านบาทเกือบเท่าตัว ที่สำคัญ จะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของนกสกู๊ตปีนี้มีกำไรแน่นอน จากปี 2559 ที่ขาดทุน 512 ล้านบาท และ 47 ล้านบาทในปี 2560
ด้านนายเฮโกะ โอะนุมะ ผู้อำนวยการบริหาร องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ JNTO กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นยังเป็นตลาดที่คนไทยให้ความสนใจสูง โดยในแต่ละปีมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ที่ผ่านมามีจำนวนคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นรวม 9.87 แสนคน เติบโตเพิ่มขึ้น 9.5% สำหรับปีนี้ตั้งเป้ามีคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นที่ 1 ล้านคน