
MotoGP สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เตรียมเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล เต็มรูปแบบ ระหว่าง 25-27 ตุลาคม 2567 พร้อมถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่
วันที่ 25 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดแถลงข่าวการจัดการแข่งขันและเปิดจำหน่ายบัตร ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ MotoGP ที่ประเทศไทยสนามที่ 18 พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล เต็มรูปแบบที่หาที่ไหนไม่ได้
โดยจะชิงชัยที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 25-27 ตุลาคม 2567 ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยและคนไทย ถือว่าตลอด 4 ปี ของการจัดการแข่งขันศึกรถจักรยานยนต์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง MotoGP บนผืนแผ่นดินไทย ประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างภาพ “โมโตจีพี วิถีไทย” สื่อสารถึงความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยความงดงาม อ่อนช้อย ศิลปวัฒนธรรม มหกรรมกีฬาแห่งความสุข
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความประทับใจ มอบประสบการณ์ที่ล้ำค่าให้แก่ผู้ชม ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายหนึ่งในแผนที่มอเตอร์สปอร์ต ในหัวใจแฟนความเร็วทั่วโลกที่อยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต รวมถึงจะเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก
“การจัด MotoGP ในประเทศไทยเป็น Mega Event ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบาย Sport Tourism ในปีที่ผ่านมามียอดผู้ชมการแข่งขันสูงสุดถึง 179,811 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากถึง 11% สร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 4,493 ล้านบาท จากการใช้จ่ายทั้งค่าเดินทางค่าที่พัก ค่าอาหารเครื่องดื่ม และค่าของที่ระลึก“ นายพลภูมิกล่าว
ด้าน นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดการแข่งขันโมโตจีพีในประเทศไทยในปีนี้นั้น กระแสค่อนข้างแรง จึงเปิดจำหน่ายบัตรเร็วขึ้นกว่าทุกปี รวมทั้งภารกิจของคณะผู้จัดยากขึ้นทุกปีเช่นกัน เนื่องจากได้สร้างมาตรฐานไว้สูงมาก ตั้งแต่การจัดงานในครั้งแรก
โดยพันธกิจสำคัญของการกีฬาแห่งประเทศไทย คือการพัฒนานักกีฬาไทย เพื่อยกระดับขึ้นไปเทียบเท่าระดับสากล ปีที่ผ่านมา “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา สร้างประวัติศาสตร์คว้าโพเดียม โมโต 2 สุดยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ สร้างความภูมิใจให้คนทั้งประเทศ และในปีนี้มีนักแข่งสายเลือดไทยทั้ง “ก้อง-สมเกียรติ จันทรา” ในรุ่นโมโต 2 และ “ก็อง-ธัชกร บัวศรี” ในรุ่นโมโต 3 ที่ลงทำการแข่งขันตลอดฤดูกาล และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมาก