
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 17.5 ล้านคน สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ 8.25 แสนล้านบาท (ไม่รวมตลาดในประเทศ)
คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 40% ของเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งปี 2567 ที่ตั้งไว้ 2 ล้านล้านบาท (จากเป้าหมายรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท)
นักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีหลัง 18 ล้านคน
“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า สำหรับภาพรวมครึ่งปีหลังนี้ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2567) ส่วนงานวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศและงานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด ททท. ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยดีต่อเนื่อง โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 18,245,700 คน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2566
และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 964,189 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เทียบกับปี 2566
ทั้งนี้ เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยแล้วจำนวนกว่า 17.5 ล้านคน ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มทั้งปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทั้งสิ้น 35.9 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายที่ ททท.ได้ตั้งไว้
โดยประเมินว่าตลาดหลักยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก รองลงมาคือกลุ่มตลาดยุโรป และเอเชียใต้ ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มตลาดจากภูมิภาคอื่น ๆ เช่น อเมริกา ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และแอฟริกา
“ปัจจัยบวก” เพียบ
โดยปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มี 6 ปัจจัย ประกอบด้วย 1.นโยบายผ่อนคลายการเดินทางเข้าไทยเพิ่มเติมของไทย Ease of Travelling ครอบคลุมตั้งแต่เดือนพฤษาคม-พฤศจิกายน 2567 ที่ช่วยจูงใจนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนจะเดินทาง และช่วยเพิ่มความคล่องตัว ลดเวลา และขั้นตอนเตรียมเอกสารสำหรับนักท่องเที่ยว
อาทิ ความตกลงยกเว้นการขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ (Visa Free) ให้แก่นักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน (มีผล 1 มี.ค. 67) การขยายเวลามาตรการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าไทยเพื่อการท่องเที่ยว (Tourist Visa Exemption) ให้นักท่องเที่ยวอินเดียและนักท่องเที่ยวไต้หวัน (มีผล 11 พ.ค.-11 พ.ย. 67) และการยกเลิกยื่นแบบ ตม.6 เป็นการชั่วคราวบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบกและทางน้ำที่ทั่วประเทศรวม 16 ด่าน (มีผล 15 เม.ย.-15 ต.ค. 67)
2.ความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวไทยบริเวณด่านชายแดนทางบก ทางน้ำ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน ซึ่งมีกลุ่มที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวไทยด้วยรถไฟความเร็วสูง/รถไฟขบวนพิเศษกลุ่มชื่นชอบเดินทางแบบคาราวานขับรถยนต์-บิ๊กไบก์ด้วยตนเอง หรือกลุ่มเดินทางด้วยเรือสำราญ
3.จำนวนที่นั่งเครื่องบินเข้าไทย (Seat Capacity) เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 มีจำนวน 22 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันปี 2566 (สัดส่วนฟื้นตัวร้อยละ 80 ของจำนวนที่นั่งเข้าไทยทั้งหมด 28 ล้านที่นั่งในปี 2562)
โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนที่นั่งของการกลับมาให้บริการเส้นทางบินที่เคยระงับไปก่อนช่วงโควิด การเปิดเส้นทางบินใหม่จากเมืองรอง และการเพิ่มความถี่เที่ยวบินมายังประเทศไทย อาทิ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย ออสเตรเลีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน เช็ก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
4.กระแสการเดินทางเที่ยวไทยตามรอยศิลปินนักแสดง Influencer/KOL 5.วันหยุดยาวเทศกาลสำคัญของตลาดต่างประเทศ ช่วยผลักดันให้นักท่องเที่ยวมีความต้องการและตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวออกต่างประเทศ เช่น วันหยุดยาวช่วงวันชาติจีน (วันที่ 1-6 ต.ค. 67) วันหยุดเทศกาลโอบ้งของญี่ปุ่น (13-15 ส.ค. 67) วันหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาส-วันปีใหม่ (วันที่ 24 ธ.ค.-31 ธ.ค. 67)
และ 6.กิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดต่างประเทศของ ททท. ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
ชู Solf Power-5 Must Do
โดยนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยว Soft Power (5F) และเน้นส่งเสริมการโปรโมตประสบการณ์ 5 Must Do in Thailand กระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยว หรือ Hidden Gems พร้อมกับส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพื่อเข้าร่วม Event และเทศกาลต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Event ระดับโลก และการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรบัตรเครดิต เพื่อส่งเสริมนักท่องเที่ยวตลาดจีน
การผลักดันนักท่องเที่ยวกลุ่ม Incentive ของอินเดีย จากการจัดงาน Magic 2024 ของบริษัท Brilvoice Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจัดการเดินทางขนาดใหญ่ของอินเดีย โดยมีนักท่องเที่ยวอินเดียจาก 25 ประเทศทั่วโลกกว่า 8,000 คน เดินทางมาร่วมกิจกรรม โดยนักท่องเที่ยวอินเดียถือเป็นตลาดศักยภาพที่เดินทางเข้าไทยอย่างต่อเนื่องติดอยู่ใน 5 อันดับแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุดในปี 2567
รวมถึงมุ่งเน้นตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Super Long Haul Market) ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดย ททท. เตรียมความพร้อมการเปิดสำนักงานชิคาโกอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2567 ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวคุณภาพระดับกลาง-บนเข้าไทยจากพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา เป็นต้น
จับตา 6 ปัจจัยเสี่ยง
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจส่งผลต่อแนวโน้มการเดินทางเข้าไทยของตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง 3 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ 1.ทิศทางการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่อาจส่งผลให้ความต้องการการเดินทางออกต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนลดลง อีกทั้งรัฐบาลจีนมีการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเข้มข้น
2.สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ (ฮามาส) สงครามอิหร่าน-อิสราเอล รวมไปถึงความตึงเครียดทางการเมืองในหลายภูมิภาคทั่วโลก อาทิ สหรัฐ-จีน, คาบสมุทรเกาหลี อาจลดทอนบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว หากสถานการณ์ทวีความรุนแรง เนื่องจากการยกระดับมาตรการระหว่างประเทศที่ส่งผลให้เกิดข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยว เช่น การยกเลิกเที่ยวบิน หรือปิดน่านฟ้า
3.ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2567 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 ใกล้เคียงระดับเดียวกับปี 2566 (อ้างอิงจากคาดการณ์โดย IMF) แต่ยังมีความเสี่ยงเศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่ชะลอตัว และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว
รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ สงครามระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล และสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ อาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น 4.การแข่งขันด้านการตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศทวีความเข้มข้น เพื่อหวังช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
5. World Event/Sport Event มหกรรมแข่งขันกีฬาระดับโลกของต่างประเทศ อาทิ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป The UEFA Euro 2024 เยอรมนี (วันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 2567) และการแข่งขันกีฬา Olympic Games 2024 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส (วันที่ 26 ก.ค.-11 ส.ค. 2567) อาจดึงดูดความสนใจแฟนกีฬาและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวในภูมิภาคยุโรปมากขึ้น
และ 6.ภัยคุกคามจากเหตุภัยพิบัติธรรมชาติ หรือภัยก่อการร้าย มีแนวโน้มเพิ่มความถี่เกิดบ่อยครั้ง หรือรุนแรง โดยเฉพาะอุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นจากผลของวิกฤตคลื่นความร้อน (เอลนีโญ) เหตุแผ่นดินไหว และน้ำท่วมใหญ่ จนส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน แผนการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวออกต่างประเทศ
คาดปี’67 รายได้รวม 2.8 ล้าน ล.
ทั้งนี้ คาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้ ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 9.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และจากตลาดในประเทศอีก 5.04 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 คิดเป็นรายได้รวมที่ 1.46 ล้านล้านบาท
เมื่อรวมรายได้ของภาคการท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาดในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมตลอดทั้งปี 2567 อยู่ที่ 2.8 ล้านล้านบาท