ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมาเติบโตโดดเด่นมากสำหรับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตดีขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ และมูลค่าทรัพย์สินรวมเติบโตก้าวกระโดดถึงร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับก่อนโควิด
โดยมีตัวเลขรายได้รวม 4,839 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) อยู่ที่ 2,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และมีกำไรสุทธิ (Net Profit) อยู่ที่ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
โรงแรมโตทุกเซ็กเมนต์
“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน AWC มีจำนวนห้องพักทั้งหมดรวม 6,029 ห้อง เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 76 เทียบกับก่อนโควิด-19
โดยปัจจัยที่สร้งการเติบโตให้ AWC ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา คือ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ โดยเฉพาะโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ที่มีความสามารถในการรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น เสริมด้วยการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยว FIT เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 76 ของยอดจองห้องพัก
โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมเติบโตเป็นร้อยละ 66.4 และมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate : ADR) 5,409 บาทต่อคืน และโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอของ AWC อยู่ในตำแหน่งผู้นำในตลาด สะท้อนจากดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเท่ากับ 114 (เทียบกับโรงแรมเดิมในปี 2566)
อาทิ โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 202 โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 177 โรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล มีค่า RGI เท่ากับ 168 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ มีค่า RGI เท่ากับ 151 เป็นต้น
เพิ่มความหลากหลายพอร์ต
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ “วัลลภา” บอกว่า AWC จะมุ่งพัฒนาทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ผ่านการเร่งพัฒนาทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Developing Asset) เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating Asset) รวมถึงเพิ่มความหลากหลายและความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้เปิดโครงการคุณภาพ อาทิ โครงการ “The Pantip Lifestyle Hub” ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางช็อป ชิล กิน ดื่ม สร้าง Lifestyle Experience ผ่านร้านค้าและบริการต่าง ๆ และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” ซึ่งเป็นโครงการจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกในเมืองเชียงใหม่
รวมถึง “Teeshot Bar” สปอร์ตบาร์ในรูปแบบซิมูเลเตอร์แห่งแรกในโรงแรม ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ต่อเนื่องไปถึงโครงการ “Phenix” ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท สู่การเป็นศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ
พร้อมรับนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
รวมทั้งเดินหน้าสร้างสีสันรับความคึกคักของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรชั้นนำ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย
พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก สนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ด้วยการเตรียมความพร้อมในการเปิด EA Rooftop at The Empire (เอ-ย่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์) ในเดือนกันยายนนี้ และเตรียมเปิด Nobu Bangkok ห้องอาหารโนบุที่สูงที่สุดในโลกใจกลางกรุงเทพฯ (อาคารเอ็มไพร์)
และร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำระดับโลกอย่าง Hotel Okura เครือโรงแรมระดับลักชัวรี่จากญี่ปุ่นสร้าง Okura Cruise เรือเทปันยากิและไคเซกิสุดหรูระดับไฟน์ไดนิ่งลำแรกของโลก ที่มีแผนเปิดให้บริการ ณ ท่าเรือของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ปลายปีนี้ พร้อมเตรียมสร้างปรากฏการณ์ด้านความสนุกครั้งใหม่ให้กับโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกนำประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสมาสู่โครงการ ซึ่งเตรียมประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
รวมทั้งต่อยอดแนวคิดการนำประสบการณ์สุดพิเศษ ไปสู่โครงการ Destination อื่น ๆ ในอนาคตของ AWC