
เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องสำหรับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีศักยภาพในการทำรายได้รวมถึง 89,936 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,738 ล้านบาท มี EBITDA สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้
พร้อมเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง นำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป เพราะมั่นใจว่าจะสามารถบริหารให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนตลอดทั้งปีเกิน 20,000 ล้านบาท และทำให้โครงสร้างทุนเป็นบวกได้
“เอเชีย-แปซิฟิก” เติบโตสูงสุด
“กรกฎ ชาตะสิงห์” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร “การบินไทย” ให้ข้อมูลเนื่องในโอกาสขึ้นเวทีเสวนาพิเศษ Ignite Thai Hotels and Tourism 2025 ซึ่งจัดโดยสมาคมโรงแรมไทย (THA) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและทิศทางการดำเนินธุรกิจของการบินไทย ดังนี้
“กรกฎ” บอกว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2567) การบินไทยมีสัดส่วนการขายมาจากตลาดในประเทศคิดเป็น 28% ตลาดยุโรป 28% รองลงมาคือ Northern 20% เอเชียใต้ อินโดไชน่า และออสเตรเลีย 14% และ Western & Middle East 10%
แต่ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิปฟิกจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงมาก คาดว่าในปี 2586 จะมีสัดส่วนการเติบโตของตลาดเอเชีย-แปซิฟิกจะเพิ่มสูงถึง 46% จากในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 34.1%
เพิ่มเครื่องบินรุ่นลำตัวแคบ
ทั้งนี้ การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติจะขยายเน็ตเวิร์กให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนบริหารจัดการฝูงบินให้สอดรับกับทิศทางและดีมานด์ของตลาดในอนาคต
โดยกำหนดนำเครื่องบินลำตัวแคบเข้ามาเสริมเส้นทางบินระยะสั้น เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะในเอเชีย-แปซิฟิก ส่วนเครื่องบินลำตัวกว้างก็จะนำมาให้บริการในเส้นทางที่มีผู้โดยสารจำนวนมากและเส้นทางบินระยะไกล อาทิ ยุโรป เป็นต้น
“ในอนาคตตลาดการบินระยะใกล้จะมีความสำคัญมาก ๆ การบินไทยเราจะต้องดูเรื่องการบริหารฝูงบินให้มีความเหมาะสม ทั้งการจัดหาใหม่และการนำไปให้บริการในแต่ละเส้นทาง รวมถึงปรับให้มีจำนวนที่นั่งและจำนวนความถี่ของเที่ยวบิน”
อีก 10 ปีมีเครื่อง 143 ลำ
“กรกฎ” บอกด้วยว่า ปัจจุบันการบินไทยมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 77 ลำ มีแผนรับเพิ่มอีก 13 ลำ ภายในปี 2568 รวมเป็น 90 ลำ ในจำนวนนี้จะเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 70% และลำตัวแคบ 30% และในอีก 10 ปีข้างหน้า การบินไทยจะมีการขยายฝูงบินรวมเป็น 143 ลำ ซึ่งจะเป็นเครื่องบินลำตัวแคบราว 50 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 90 ลำ
“เราเชื่อมั่นว่าในสัดส่วนดังกล่าวจะสอดรับกับทิศทางของตลาดในอนาคต อย่างไรก็ตาม การรับเครื่องบินใหม่เข้ามาเสริมฝูงบินนั้น ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของตลาด”
ปัจจุบันการบินไทยให้บริการไปยัง 61 จุดหมายปลายทางทั่วโลก รวม 807 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นเส้นทางยุโรป 10 จุดหมายปลายทาง รวม 84 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เอเชีย 40 เส้นทางบิน รวม 471 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เส้นทางภายในประเทศ 8 จุดหมายปลายทาง รวม 217 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และออสเตรเลีย 30 จุดหมายปลายทาง รวม 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
1 ธ.ค. เปิดบินบรัสเซลส์
โดยเมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา การบินไทยได้เปิดให้บริการเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เดสติเนชั่น คือเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และออสโล ประเทศนอร์เวย์ และมีแผนเปิดให้บริการสู่บรัสเซลส์อีก 1 เดสติเนชั่น ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเพิ่มความถี่สำหรับตลาดจีนด้วย ซึ่งแม้ว่าจีนจะดูฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ว่าก็น่าจะมาในสิ้นปีนี้หรือปีหน้า โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนได้ขึ้นเป็นตลาดอันดับ 1 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่การบินไทยทำได้สอดคล้องกับนโยบายของการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันได้เพิ่มคาพาซิตี้เข้าอินเดียเป็นสัปดาห์ละ 84 เที่ยวบิน และครอบคลุมเมืองหลัก ๆ แล้ว อาทิ เดลี มุมไบ บังคาลอร์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแผนนำเครื่อง A320 ไปให้บริการในเส้นทางใหม่ ๆ ในช่วงกลางคืน อาทิ โคชิ อมฦตสาร์ เป็นต้น
“แผนการขยายฝูงบินจะทำให้เราสามารถนำมาใช้เพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีศักยภาพ และการเปิดเส้นทางบินใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะทำให้การบินไทยขยายความถี่ของเที่ยวบินเพิ่มอีก 113% หรือขยับเป็น 1,715 เที่ยวบินในปี 2571”
มุ่งสร้างความเชื่อมั่น
ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ การบินไทยยังบอกด้วยว่า ปัจจุบันการบินไทยมุ่งสื่อสารภายใต้กรอบ “Trust in THAI” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในเครือข่ายพันธมิตร และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด
โดยในปีปกติ การบินไทยมีจำนวนผู้โดยสาร 19 ล้านคนต่อปี ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้มาแล้วประมาณ 8 ล้านคน เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีจำนวนผู้โดยสารรวม 16 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีจำนวนผู้โดยสารกลับมาใช้บริการได้ประมาณ 90-95% ของปี 2019
“ครึ่งปีหลังของปีนี้ เรายังต้องเผชิญความท้าทายในหลายประเด็น อาทิ อัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการอ่อนค่าของเงินบาท อัตราค่าบริการภาคพื้น และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อต้นทุนทั้งสิ้น”
พร้อมย้ำว่า เป้าหมายใหญ่ของ “การบินไทย” คือ การสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฮับการบินของภูมิภาค ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เพิ่มผู้โดยสารต่อเครื่อง (Passenger Transit) จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1-2% ให้เป็น 15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดยเชื่อว่าหากโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนพร้อม การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติพร้อม ประเทศไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นฮับการบินของภูมิภาคได้แน่นอน