สมาคมโรงแรมไทย ชี้ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ชงรัฐออกมาตรการกระตุ้นอีกระลอก ทั้งด้านแรงงาน การเงิน พร้อมเร่งพิจารณาขยายเวลาวีซ่าฟรีตลาดเป้าหมาย วอนเลื่อนเก็บค่าเหยียบแผ่นดินออกไป 2 ปี เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นเดือนสิงหาฯ พบอัตราเข้าพักเฉลี่ย 62% สูงกว่าเดือนก่อน โรงแรม 60% มีรายได้รวมสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) โดยสมาคมโรงแรมไทย ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา (สำรวจระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคม 2567 จากผู้ตอบแบบสำรวจ 106 แห่ง) พบว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวยังขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เป็นผลจากกลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดี ความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ และปัจจัยที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวได้รับความเชื่อมั่นจากมาตรการยกเว้นวีซ่า และบัตร ตม.6
ขอมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ยังต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว และเที่ยวในวันธรรมดา กระตุ้นการท่องเที่ยวของลูกค้ากลุ่มประชุมและสัมมนามากขึ้น มีมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวในช่วง Low Season รวมถึงประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยต่อเนื่อง
มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ลดภาษีสิ่งปลูกสร้าง และมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติม มีมาตรการด้านแรงงาน โดยมีหน่วยงานรัฐที่ช่วยจัดหาแรงงานสำหรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดยเฉพาะพนักงานที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม และพนักงาน Front Office รวมถึงให้ภาครัฐช่วยจัดอบรมด้านภาษาให้กับแรงงานในธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและจีน
มาตรการด้านการเงินเช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการปรับปรุงที่พักแรม โดยเน้นช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก และมาตรการอื่น ๆ เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้ครอบคลุมและสะดวกในการเดินทาง ดูแลขยะ มลพิษทางอากาศและน้ำในพื้นที่ท่องเที่ยว
รวมถึงตรวจสอบการขายห้องพักของกิจการที่ไม่ใช่โรงแรมอย่างจริงจัง และปราบปรามผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทยและส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
เร่งต่อมาตรการวีซ่าฟรี
อย่างไรก็ตาม สมาคมต้องการให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปีนับจากนี้ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาโตเต็มที่
ขณะเดียวกันควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อย่างชัดเจนด้วยว่าจะนำเงินค่าเหยียบแผ่นดินที่จัดเก็บส่งเข้ากองทุนไปใช้พัฒนาด้านใดบ้าง รวมถึงพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่ตลาดเป้าหมายอย่างต่อเนื่องด้วย
ชี้นโยบายรัฐช่วยกระจายรายได้
นอกจากนี้ สมาคมโรงแรมไทยมั่นใจว่านโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า เช่น กลุ่มผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) กลุ่ม Digital Nomad ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Man-made Destinations สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว ฯลฯ จะสามารถกระจายเม็ดเงินลงสู่ผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ สร้างระบบด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการเดินทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ได้ง่ายขึ้น จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีเพิ่มความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดระยะเวลาที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย
60% รายได้ “แซง-เท่า” ก่อนโควิด
สำหรับภาพรวมในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น พบว่าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 62% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน หากแบ่งตามภูมิภาคพบว่าภาคกลางมีอัตราการเข้าพักสูงสุดที่ 71.5% รองลงมาคือ ภาคตะวันออก 65.5% ภาคใต้ 61.2% ภาคเหนือ 50% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 36.1%
โดยโรงแรมประมาณ 60% มีรายได้รวมสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว (สูงกว่าก่อนโควิด 32% ใกล้เคียงกับก่อนโควิด 28%) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้น เนื่องจากมีการปรับปรุงห้องพักและการให้บริการที่ดีขึ้น มีลูกค้า/ยอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเน้นทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่โรงแรมอีก 40% ยังฟื้นตัวได้ช้า โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่คาดว่าจะกลับมามีรายได้เท่ากับช่วงปกติประมาณไตรมาส 2/2568 เนื่องจากปรับราคาห้องพักได้ยาก เพราะลูกค้ามีความอ่อนไหวต่อราคาและเผชิญกับการแข่งขันสูง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโรงแรม 7% ประเมินว่ารายได้จะไม่สามารถกลับสู่ระดับเดิมได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาว
เอเชีย-ตะวันออกกลางลูกค้าหลัก
นอกจากนี้ ยังพบว่าภาพรวมเดือนสิงหาคม 2567 โรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% คิดเป็นกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง (ไม่รวมจีนและมาเลเซีย) จีน และยุโรปตะวันตก โดยส่วนใหญ่เข้าพักในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป
“ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวส่วนใหญ่มีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันต่ำกว่า 1,500 บาท ขณะที่ราว 50% ของโรงแรมระดับ 4 ดาว มีราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500-2,499 บาท ส่วนโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปกว่า 40% มีราคาห้องพักเฉลี่ยสูงกว่า 5,000 บาท” รายงานข่าวระบุ