หากเอ่ยถึงต้นตำรับของคาเวียร์ “Caviar Giaveri” คือ ผู้ผลิตคาเวียร์ชั้นนำระดับโลกของอิตาลี และถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคาเวียร์ที่เชื่อในแนวคิดความยั่งยืนของธุรกิจที่เติบโตร่วมกับการรักษาธรรมชาติที่สำคัญที่สุดรายหนึ่งของโลก
Caviar Giaveri เริ่มต้นธุรกิจมาเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ด้วยความหลงใหลในการทำฟาร์มปลาสเตอร์เจียน และการผลิตคาเวียร์แบบเปอร์เชียนโบราณ รักษาคุณภาพเพื่อความเป็นเลิศในการดูแลฟูมฟักปลาให้เติบโตอย่างมีความสุข
รวมถึงรักและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาสมัยใหม่มาใช้เพื่อช่วยให้มีการปกป้อง ควบคุม และรักษาฟาร์มปลาให้เป็นไปอย่างสมดุลตามธรรมชาติ
เมนูเอ็กซ์คลูซีฟบนเฟิรสต์คลาส
“การบินไทย” คือสายการบินที่นำ Caviar Giaveri จากประเทศอิตาลีมาเป็นเมนูเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับเสิร์ฟให้ผู้โดยสารในชั้นเฟิรสต์คลาส (First Class) และได้นำสื่อไปสัมผัสการเลี้ยง รวมถึงขั้นตอนการผลิต ถึงถิ่นกำเนิดคาเวียร์ของ Giaveri ณ เมืองเวเนโต ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
“ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ฟาร์มปลาสเตอร์เจียนของ Caviar Giaveri ในเมืองเวเนโต ประเทศอิตาลี นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ และความเอ็กซ์คลูซีฟในการเลี้ยง การผผลิตคาเวียร์มากที่สุดรายหนึ่งของโลก
ฟาร์มที่นั่นมีกำลังการผลิตปีละประมาณ 14,000 กิโลกรัม ส่งให้การบินไทยประมาณปีละ 400 กิโลกรัม โดยการบินไทยนำมาเสิร์ฟในชั้นเฟิรสต์คลาสเนื่องจากเห็นว่าเป็นคาเวียร์คุณภาพจากฟาร์มที่ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญคาเวียร์ บวกกับความพิถีพิถันในการผลิต บรรจุหีบห่อด้วยมืออย่างเข้มงวด จึงมั่นใจว่าจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้โดยสาร
โดยคาเวียร์ที่ “การบินไทย” นำมาเป็นเมนูเอ็กซ์คลูซีฟ คือ โอเซทตร้า (OSIETRA) คาเวียร์ชนิดที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ให้รสชาติที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล กลมกล่อม รับประทานง่าย ไม่เข้มข้นจนเกินไป เพราะเก็บไข่จากปลาที่มีอายุประมาณ 8-10 ปี
“เราจะเสิร์ฟคาเวียร์ให้ผู้โดยสารชั้น First Class ทุกเส้นทางของการบินในรูปแบบตลับสุดพรีเมี่ยม น้ำหนัก 20 กรัม ให้ผู้โดยสารรับประทานกันแบบเต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ เรายังเสิร์ฟในแบบท็อปปิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผู้โดยสารในชั้นบิสซิเนสคลาสได้ลิ้มลองรสชาติคาเวียร์ด้วย”
Giaveri ต้นตำรับคาเวียร์
ขณะที่ “Maurizio Barcella” แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ฟาร์มคาเวียร์ Giaveri ให้ข้อมูลว่า Caviar Giaveri Farm ผู้ผลิตคาเวียร์ชั้นนำระดับโลก เริ่มต้นดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 หรือราว 44 ปีที่แล้ว ด้วยความหลงใหลในการทำฟาร์มปลาสเตอร์เจียน ตั้งแต่การดูแลฟูมฟักปลาให้เติบโตแบบมีความสุข ท่ามกลางแหล่งน้ำแร่บริสุทธิ์กว่า 12 จุดรอบพื้นที่ เพื่อให้ได้คาเวียร์ที่มีคุณภาพ
โดยปลาสเตอร์เจียนของฟาร์มคาเวียร์จาเวรี มีกว่า 1,000 ตัว รวม 12 สายพันธุ์ ได้คาเวียร์ 10 ชนิด อาทิ Acipenser Gueldenstaedtii (ปลาสเตอร์เจียนรัสเซีย), Acipenser Baerii (ปลาสเตอร์เจียนไซบีเรีย), Acipenser Stellatus (ปลาสเตอร์เจียนดาว), Acipenser Transmontanus (ปลาสเตอร์เจียนขาว), Acipenser Persicus (ปลาสเตอร์เจียนเปอร์เซีย) ฯลฯ และปลาสเตอร์เจียนพันธุ์ผสม เป็นต้น
“เรียกว่าเป็นฟาร์มปลาสเตอร์เจียนที่มีความหลากหลายมากที่สุด ลูกค้าสามารถเลือกได้หลากหลายสายพันธุ์ และปลาทุกตัวจะได้รับการดูแลและเฝ้าติดตามในทุกขั้นตอนของการเจริญเติบโต”
พิถีพิถันทุกกระบวนการเลี้ยง
พร้อมบอกด้วยว่า ทางฟาร์มมีการดูแลปลาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด และรับประกันความสมดุลของระบบนิเวศสูงสุด ทั้งระบบการให้อาหาร การควบคุมอุณหภูมิของน้ำ โดยมีระบบการตรวจสอบคุณภาพปลาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และได้รับการดูแลจากพนักงานและผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตรวจสอบมาตรฐานย้อนหลังได้ด้วย
“ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการผลิตคาเวียร์ที่ดี คือ การเจริญเติบโตของปลา โดยต้องเคารพความสมดุลตามธรรมชาติของสายพันธุ์ และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยต้องใกล้เคียงกับแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติมากที่สุด”
ที่สำคัญ Caviar Giaveri Farm เป็นฟาร์มเดียว (จาก 4 ฟาร์มในอิตาลี) ที่มีฟาร์มเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนเอง และเป็นฟาร์มแรกในยุโรปที่มีอุปกรณ์การให้อาหารปลาที่ทันสมัย รวมทั้งปฏิบัติตามกฎในด้านสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมใส่ใจในการเลี้ยงดูปลา
และเป็นบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดำเนินการธุรกิจด้วยความเคารพต่อธรรมชาติสูงสุด โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ จึงรับรองว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพทั้งในด้านรสชาติและกลิ่น
สินค้ายอดเยี่ยมของอิตาลี
“Maurizio Barcella” บอกด้วยว่า เขาจะเก็บไข่ปลาตอนปลามีอายุ 8-10 ปี บางสายพันธุ์ก็ใช้เวลาถึง 24 ปี (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของปลาและชนิดของคาเวียร์) โดยปลาแต่ละตัวเราสามารถเก็บไข่ได้ประมาณ 8% ของน้ำหนักตัว เช่น ปลาที่มีน้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม เราจะสามารถเก็บไข่ได้ประมาณ 8 กิโลกรัมเท่านั้น จากนั้นการบรรจุคาเวียร์ก็เป็นไปอย่างพิถีพิถัน มีการนำเกลือจากเมืองปอร์โตรอซ ประเทศสโลวีเนีย ซึ่งเป็นเกลือคุณภาพที่ไม่เค็มจนเกินไปมาเป็นส่วนผสม และเก็บในอุณหภูมิลบ 10 องศา เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
โดยผลผลิตของคาเวียร์เกือบ 90% ส่งออกไปขายต่างประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา แอฟริกาใต้ เอเชียตะวันออก (ญี่ปุ่น ไทย เกาหลี ฮ่องกง) ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย
“ความเข้มงวดของกระบวนการผลิตของเรานั้นพิสูจน์ได้จากมาตรฐานการรับรองที่เข้มงวดที่สุดในโลก เช่น IFS Higher Level Caviar Giaveri มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและแสวงหาการรับรองตามมาตรฐานสูงสุดที่มีอยู่ ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นส่วนหนึ่งของ GFSI หรือ Global Food Safety Initiative”
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล 2 ดาว จาก Bellavita Awards Chicago ประจำปี 2018 และรางวัล 3 ดาว จาก Bellavita Awards London และได้รับเลือกจาก Forbes Italy ให้เป็นหนึ่งใน 100 ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของอิตาลี
การบินไทยย้ำเจ้าเดียวในโลก
ซีอีโอการบินไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า สายการบินใหญ่ ๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่ก็เสิร์ฟคาเวียร์ให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินเช่นกัน แต่สิ่งที่มั่นใจว่า “การบินไทย” มีความแตกต่างคือ คาเวียร์ Giaveri ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ ทำให้มีความสด ได้รสชาติที่แท้จริงของคาเวียร์
และ “การบินไทย” คือ สายการบินแห่งแรกของโลกที่เสิร์ฟคาเวียร์แบบสด ๆไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ให้กับผู้โดยสารในชั้นเฟิรสต์คลาส
นอกจากนี้ การบินไทยยังมีแผนเสิร์ฟคาเวียร์ “Siberian Classsic” คาเวียร์ที่มีรสชาติเข้มข้น เป็นที่ชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลกให้กับผู้โดยสารในชั้นบิสซิเนส (Business Class) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นี้อีกด้วย
ขณะที่ชั้นเฟิรสต์คลาส (First Class) เส้นทางยุโรป จากเดิมที่เสิร์ฟคาเวียร์โอเซทตร้า (OSIETRA) นั้น ในช่วงเทศกาลพิเศษจะเปลี่ยนเป็น Beluga Siberian คาเวียร์ตัวท็อปของนักชิม และมีราคาที่แพงขึ้นไปอีกและ “การบินไทย” เป็นสายการบินเดียวที่เสิร์ฟคาเวียร์ให้ผู้โดยสารชั้น Business Class
พร้อมย้ำว่า สำหรับคาเวียร์คุณภาพสูง Giaveri ของอิตาลีนี้ สายการบินขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถซื้อได้ เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้ทำตลาดที่เป็นนิชมาร์เก็ตมาก ๆ กำลังการผลิตจึงไม่สามารถซัพพอร์ตสายการบินขนาดใหญ่ได้
“การบินไทย” จึงเป็นสายการบินเดียวเท่านั้นที่สามารถเสิร์ฟคาเวียร์แบบสด ๆ ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์จาก Giaveri ประเทศอิตาลี
Giaveri ทรงคุณค่า สดใหม่ ได้รสชาติแท้ ๆ ของคาเวียร์
ด้วยชื่อเสียงในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบอาหาร คาเวียร์ Giaveri จึงมีจำหน่ายในเอาต์เลตที่เป็นเซ็กเมนต์ตลาดบนเป็นหลัก อาทิ ร้านไวน์ร้านขายอาหารสำเร็จรูป ร้านอาหาร และร้านอาหารสำหรับนักชิมระดับหรูทั้งในอิตาลีและทั่วโลก
“Maurizio Barcella” แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ฟาร์มคาเวียร์จาเวรี (Giaveri) ให้ข้อมูลว่า คาเวียร์ของ Giaveri มีความแตกต่างจากคาเวียร์ทั่วไปในตลาด 11 ข้อ ประกอบด้วย 1.น้ำบริสุทธิ์ จากการตรวจสอบความสะอาดและความบริสุทธิ์ของน้ำ (จากแม่น้ำและบ่อน้ำพุร้อน) และความสมดุลทางชีวเคมีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับปลาสเตอร์เจียนที่มีสุขภาพดี
2.ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ Giaveri ตระหนักดีว่าเพื่อผลิตคาเวียร์คุณภาพสูงสุดที่มีอยู่ จึงต้องปกป้องสวัสดิภาพของสัตว์ตลอดวงจรชีวิตที่ยาวนานของพวกมันด้วย โดยแนวทางของ Giaveri ไม่เพียงแต่คำนึงถึงความต้องการทางโภชนาการของปลาสเตอร์เจียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความต้องการทางพฤติกรรมของพวกมันด้วย
3.การควบคุมห่วงโซ่การผลิตอย่างสมบูรณ์ โดยวงจรการผลิตเริ่มต้นด้วยไข่ และสิ้นสุดที่ไข่ ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเพาะพันธุ์จนถึงการบรรจุหีบห่อเกิดขึ้นภายในบริษัท
4.การผลิตในอิตาลี Giaveri เพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนในอิตาลีมานานกว่า 40 ปี และผสมผสานการดูแลเอาใจใส่ ความสมบูรณ์แบบ และความหลงใหลในงานวิจัยเข้ากับแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น
5.ความสดใหม่ในทุกขั้นตอน คาเวียร์ของ Giaveri เก็บเกี่ยว ปรุงรส และจัดส่งโดยไม่มีขั้นตอนกลางเพิ่มเติม
6.Malossol คาเวียร์ที่ผลิตโดย Giaveri เป็นประเภท Malossol ซึ่งแปลว่า “ปรุงรสเล็กน้อย”
ในภาษารัสเซีย คาเวียร์ประเภทนี้แสดงออกถึงกลิ่นหอมของคาเวียร์ชั้นดีได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องปรุงเอง แต่จะมีรสชาติละเอียดอ่อนกว่าและได้รับการดูแลเป็นพิเศษในการเตรียมและควบคุมห่วงโซ่ความเย็นอย่างสมบูรณ์
7.บรรจุทันที กระบวนการเตรียมคาเวียร์ของ Giaveri ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง
8.ไม่มี “รสคาว” เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่สลายตัวในรูปแบบใด ๆ โดยคาเวียร์ทั้งหมดบรรจุในสภาพบริสุทธิ์ สดใหม่ และเก็บรักษาที่อุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ และถูกแปรรูป จัดส่ง และบริโภคตามที่ควรเป็น
9.การขนส่งที่ปลอดภัย เป็นการขนส่งโดยบริการจัดส่งแบบแช่เย็นหรือบริการจัดส่งแบบด่วน โดยมีบรรจุภัณฑ์พิเศษและกล่องน้ำแข็ง เพื่อให้แน่ใจว่าอุณหภูมิจะเย็นและคงที่ตลอดเวลาที่จะถึงปลายทางภายใน 24-48 ชั่วโมง
10.การจัดจำหน่ายที่เลือก ผลิตภัณฑ์คาเวียร์ของ Giaveri มีจำหน่ายในร้านอาหารและร้านขายอาหารสำเร็จรูปที่ดีที่สุดในโลก และ 11.อายุการเก็บรักษา เนื่องจากคาเวียร์ได้รับการแปรรูปตามกฎระเบียบด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดที่สุดในโลก
คาเวียร์ Giaveri ที่บรรจุใหม่ในกระป๋องจึงมีอายุการเก็บรักษาอย่างน้อย 3 เดือน หากเก็บไว้ในตู้เย็น
ทั้งหมดนี้คือ ปัจจัยที่ทำให้ “คาเวียร์ Giaveri” ทรงคุณค่า มีความสด ได้รสชาติแท้ ๆ ของคาเวียร์ แตกต่างจากคาเวียร์ทั่วไป