“คิง เพาเวอร์” โชว์ความสำเร็จหลังประกาศพลิกโฉมรางน้ำสู่เดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก คว้ารางวัลชนะเลิศ FRONTIER AWARDS 2024 สาขา RETAILER CAMPAIGN OF THE YEAR จากแคมเปญ “FESTIVALISATION RANGNAM” พร้อมเดินหน้าสานต่อสร้างอัตลักษณ์ให้รางน้ำเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า หลังบริษัทปรับโฉมคิงเพาเวอร์ สาขารางน้ำ สู่เดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก ล่าสุดคิงเพาเวอร์คว้ารางวัลชนะเลิศ FRONTIER AWARDS 2024 สาขา RETAILER CAMPAIGN OF THE YEAR จากประเทศฝรั่งเศส จากแคมเปญ “FESTIVALISATION RANGNAM”
“รางวัลดังกล่าวแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด THE POWER OF POSSIBILITIES เป็นได้สุด เป็นไปได้ ผ่านกลยุทธ์ POWER OF PLACE พลิกโฉมรางน้ำสู่เดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก”
นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า รางวัล FRONTIER AWARDS 2024 จัดขึ้นโดยนิตยสาร DUTY FREE NEWS INTERNATIONAL หรือ DFNI MAGAZINE เป็นรางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่สำคัญของวงการธุรกิจดิวตี้ฟรี โดยในปี 2567 นี้ พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
ทั้งนี้ สำหรับแคมเปญ “FESTIVALISATION RANGNAM” คิง เพาเวอร์ ได้ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน อาทิ กรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการ และชุมชนย่านรางน้ำ ในการพัฒนาและยกระดับพื้นที่ย่านรางน้ำสู่เดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก สร้างอัตลักษณ์ให้รางน้ำเป็น “FESTIVALISATION” ต่อยอดให้เกิดเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
พร้อมยกระดับสู่ย่านท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองไทย โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในแง่ของเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โดยการจัดงานในช่วงเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สามารถสร้างการรับรู้ (IMPRESSION) กว่า 600 ล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 198,000 คน มีการนำเสนอข่าวการจัดงานมากกว่า 2,000 สื่อ ครอบคลุมสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมมูลค่า PR VALUE 397 ล้านบาท
และมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการ (STORE TRAFFIC) เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมากว่า 178% และมีการเติบโตของรายได้ต่อปี 140% นอกจากนี้ การจัดงานยังสร้างผลกระทบเชิงบวก (BIG IMPACT) อย่างมากต่อชุมชนย่านรางน้ำ โดยมีผู้เยี่ยมชมพื้นที่กว่า 200,000 คน และสร้างเงินสะพัดในชุมชนมากกว่า 390 ล้านบาท