SiteMinder เผย พฤติกรรมนักท่องเที่ยว เปิดใจใช้ AI-ทำงานระหว่างการท่องเที่ยว

SiteMinder เผย 98% พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจาก 14 ประเทศ พร้อมใช้ AI ในการวางแผน-จองที่พัก ขณะที่แนวโน้มทำงานระหว่างการเดินทางถึง 68% สะท้อนการผสมผสานเทคโนโลยี-การท่องเที่ยว

นายสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท SiteMinder เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่มุ่งเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม ได้เปิดตัวรายงาน “SiteMinder’s Changing Traveller Report 2025” ซึ่งสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจาก 14 ตลาดหลักทั่วโลก โดยได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการใช้เทคโนโลยีในประเทศไทย พร้อมแนวโน้มการท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ในการวางแผนการท่องเที่ยวและการจองที่พัก รวมถึงการทำงานระหว่างการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกว่า 12,000 คนใน 14 ประเทศที่มีตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดของโลก ผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 98% เปิดใจพร้อมใช้ AI ในการวางแผน จอง และสัมผัสประสบการณ์การเข้าพัก ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก และสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการทำงานไปพร้อมกันอย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังพบว่า 68% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มจะทำงานระหว่างการเข้าพักครั้งถัดไป ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 41% อย่างมีนัยสำคัญ

สุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์
สุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์

นอกจากนี้ ประเทศไทยและอินโดนีเซียมีการเปิดรับการใช้ AI ในการท่องเที่ยวสูงถึง 98% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก โดยประเทศอื่น ๆ เช่น จีน (96%) และอินเดีย (94%) ก็มีอัตราการเปิดรับ AI ที่สูงเช่นกัน ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากแคนาดา ออสเตรเลีย และยุโรปยังคงลังเลที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ โดยมีอัตราการเปิดรับที่ต่ำกว่า

สำหรับการทำงานระหว่างการเดินทางกลายเป็นเทรนด์ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจสูง โดย 68% ของนักท่องเที่ยวไทยกล่าวว่าจะทำงานขณะท่องเที่ยวครั้งถัดไป ซึ่งสูงกว่าในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น อเมริกาเหนือ (34%) และยุโรป (31%) ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีและความยืดหยุ่นในการทำงานได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

Advertisment

ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศในปี 2568 รายงานยังเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในปี 2568 พบว่า 83% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยกลุ่ม Millennials มีแนวโน้มจะเดินทางไปต่างประเทศถึง 87% ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 3 รองจากนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์และจีน

สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศ เชียงใหม่ (59%) พัทยา-ชลบุรี (57%) และหาดใหญ่-สงขลา (34%) ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกไปเยือน ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ ญี่ปุ่น (56%) ตามด้วยจีน (32%) และเกาหลีใต้ (23%) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและความชอบในรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่มคน

Advertisment

ความต้องการที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก รายงานยังเผยให้เห็นว่า 54% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มเลือกห้องพักแบบ Standard (ห้องพักมาตรฐาน) ในปี 2568 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 46% และสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากนักท่องเที่ยวจากสเปน แคนาดา และอิตาลี

นอกจากนี้ 97% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น อาหารเช้า ห้องชมวิว หรือการเช็กอินก่อนเวลาและเช็กเอาต์ล่าช้า นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไทยยังให้ความสำคัญกับโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย 94% ของนักท่องเที่ยวไทยยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อการเข้าพักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย

ขณะที่แนวโน้มการจองที่พักออนไลน์ นักท่องเที่ยวชาวไทยยังมีแนวโน้มที่จะใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น OTA (Online Travel Agency) ในการจองที่พักมากขึ้น โดย 55% ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ระบุว่าจะใช้บริการ OTA ในการจองที่พักในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 13%

อย่างไรก็ตาม มี 65% ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ระบุว่าพวกเขาจะยกเลิกการจองหากพบประสบการณ์ไม่ดีในขั้นตอนการจอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประสบการณ์ที่ราบรื่นในการจองที่พัก

สำหรับการสำรวจในรายงานปี 2025 นี้แสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกำลังพัฒนาและผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับการท่องเที่ยวและการทำงานได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว หรือการทำงานในระหว่างการพักผ่อน ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิด “Everything Traveler” ที่ไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน แต่ยังสามารถทำงานและใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ธุรกิจโรงแรมต้องปรับตัวเพื่อให้บริการที่ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยว เช่น การให้บริการที่รองรับการทำงานในระหว่างการเดินทาง และการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด” นายสุภกฤษฎิ์กล่าว

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งกำลังเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และผสมผสานการทำงานกับการท่องเที่ยวอย่างลงตัว ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต