บางกอกแอร์เวย์ส เผยไตรมาสที่ 3/2567 มีรายได้รวม 6,489.3 ล้านบาท เพิ่มร้อยละ 15.3 เมื่อเทียบกับปี 2566 อานิสงส์จากช่วงไฮซีซั่นของเส้นทางบินสมุย อัตราขนส่งผู้โดยสารถึงร้อยละ 79 หนุนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแตะ 3,264.9 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางโดยอากาศยานของทุกภูมิภาคทั่วโลกจากช่วงที่ผ่านมาที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของเส้นทางบินสมุย ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,489.3 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 15.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่เติบโตจากสัดส่วนของรายได้บัตรโดยสารของธุรกิจสายการบิน ที่มีสัดส่วนร้อยละ 68.7 ทำให้ในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 878.1 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2566 และมีกำไรสุทธิ 673.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,893.9 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิ 3,264.9 ล้านบาท โดยเป็นผลกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 3,256.6 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.55 บาท
สำหรับในส่วนของผู้โดยสารนั้น นายพุฒิพงศ์กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 สายการบินมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เทียบปีก่อนหน้า เป็นผลจากกลยุทธ์เพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้า-ออกสนามบินสมุย เพื่อรองรับอุปสงค์การเดินทางในฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบิน 12,044 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 1.06 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 จากปีที่ผ่านมา
อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ร้อยละ 79.0 สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของของปริมาณการขนส่งผู้โดยสารทั่วโลก โดยมีผู้โดยสารที่มาจากจุดขายบัตรโดยสาร (Point-of-Sales) ผ่านเว็บไซต์และระบบเชื่อมต่อตรงกับบริษัทร้อยละ 47.0 และจากต่างประเทศร้อยละ 39.0 ของผู้โดยสารทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคยุโรปและเอเชีย (ไม่รวมประเทศไทย)
นายพุฒิพงศ์กล่าวเพิ่มด้วยว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 20,004.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,893.9 ล้านบาท รวมทั้งมีผลกำไรสุทธิ 3,264.9 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้โดยสาร 3.31 ล้านคนเติบโตขึ้นร้อยละ 10.3 เทียบกับปี 2566 อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ร้อยละ 81.9 และปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เทียบปีก่อนหน้า