สายการบินเอมิเรตส์กำไรพุ่ง ! ทุบสถิติผลประกอบการสูงสุดในรอบหลายปี ขยายเส้นทางบิน-ลงทุนพัฒนาบริการใหม่
นายชีกอาเหม็ด บิน ซาอิด อาล มักตูม ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินและกลุ่มสายการบินเอมิเรตส์กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ได้ทำลายสถิติผลประกอบการของปีที่ผ่านมา และสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในครึ่งปีแรกของปี 2567-2568 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของโมเดลธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการเติบโตของดูไบในฐานะเมืองที่ผู้คนเลือกมาอยู่อาศัย ทำงาน ท่องเที่ยว เชื่อมต่อการเดินทาง และดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ทำให้บริษัทสามารถลงทุนในสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จอันต่อเนื่อง ซึ่งกำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า นำเทคโนโลยีขั้นสูงและโครงการนวัตกรรมต่าง ๆ มาช่วยขับเคลื่อนการเติบโต รวมถึงดูแลพนักงานที่ทำงานอย่างหนักทุกวัน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า
“เราหวังว่าความต้องการของลูกค้าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องไปตลอดปี 2567-2568 และเรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้เมื่อมีเครื่องบินใหม่เข้าร่วมฝูงบินของสายการบินเอมิเรตส์ และเมื่อ dnata มีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ พร้อมให้บริการ แนวโน้มถือว่าเป็นบวก แต่เราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เราจะคงความคล่องตัวในการใช้ทรัพยากรและศักยภาพของเราในตลาดแห่งความผันผวนนี้” ชีกอาเหม็ด กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ฐานพนักงานของกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์เพิ่มขึ้น 3% จากวันที่ 31 มีนาคม 2567 เป็นจำนวนทั้งหมด 114,610 คน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยทั้งเอมิเรตส์และ dnata ผลักดันการสรรหาบุคลากรเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการในอนาคต
สำหรับกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ดีที่สุด ด้วยกำไรก่อนหักภาษี 1.04 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับหกเดือนแรกของปี 2567-2568 ทุบสถิติกำไรก่อนหักภาษีจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ปีงบการเงินนี้นับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเริ่มใช้ในปี 2566 หลังหักภาษี 9% กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 9.3 พันล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยมี EBITDA ที่ 2.04 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงเล็กน้อยจาก 2.06 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว
รายได้ของกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์อยู่ที่ 7.08 หมื่นล้านมีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567-2568 เพิ่มขึ้น 5% จาก 6.73 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว สะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าอันแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกภูมิภาค
กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ปิดครึ่งปีแรกของปี 2567-2568 ด้วยสถานะเงินสด 4.37 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ลดลงจาก 4.71 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567
โดยกลุ่มบริษัทได้ใช้เงินสดสำรองที่แข็งแกร่งของตนในการรองรับความต้องการทางธุรกิจ รวมถึงการชำระค่าคำสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งใหม่และการชำระหนี้ นอกจากนี้ ยังจ่ายเงินปันผลจำนวน 2 พันล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของตามที่ได้ประกาศไว้ ณ สิ้นปีการเงิน 2566-2567
ขณะที่เอมิเรตส์ยังคงขยายเครือข่ายการบินอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมต่อผ่านศูนย์กลางในดูไบ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567-2568 เอมิเรตส์ได้เพิ่มเที่ยวบินไปยัง 8 เมือง ได้แก่ อัมสเตอร์ดัม เซบู คลาร์ก ลูอันดา ลียง มาดริด มะนิลา และสิงคโปร์
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567-2568 เอมิเรตส์ได้ลงนามข้อตกลงใหม่กับพันธมิตรด้านการให้บริการเที่ยวบินร่วม เที่ยวบินระหว่างสายการบิน และการขนส่งอย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบรวม 7 ราย ได้แก่ สายการบินแอร์ พีส (AirPeace) สายการบินอาเวียงกา (Avianca) บริษัทการขนส่งทางอากาศ BLADE สายการบินอิตา แอร์เวย์ (ITA Airways) สายการบินไอซ์แลนด์แอร์ (Iceland Air) รถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส (SNCF Railway) และ วีว่าแอโรบัส (Viva Aerobus)
อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 30 กันยายน เอมิเรตส์ได้ปรับโฉมเครื่องบินใหม่ 8 ลำ (เครื่องบิน A380 จำนวน 3 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 5 ลำ) ภายใต้โครงการการปรับปรุงด้วยงบประมาณมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การปรับโฉมในครั้งนี้ทำให้เอมิเรตส์สามารถเปิดตัวห้องโดยสารรุ่นใหม่ได้เร็วขึ้น ซึ่งรวมถึงในเครื่องบินโบอิ้ง 777 4-class ที่มีที่นั่งแบบเอนนอนจัดวางในรูปแบบ 1-2-1 พร้อมมินิบาร์ส่วนตัวในชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัดพรีเมี่ยมที่ได้รับความนิยม
เครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำแรกที่ผ่านการปรับปรุงใหม่ของสายการบินเอมิเรตส์เริ่มให้บริการเส้นทางสู่กรุงเจนีวาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตามด้วยโตเกียว ฮาเนดะ และบรัสเซลส์ สำหรับช่วงหกเดือนข้างหน้า เอมิเรตส์วางแผนเพิ่มเส้นทางบินสำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่อีก 10 เส้นทาง ได้แก่ ริยาด ซูริก คูเวต ดัมมัม ชิคาโก บอสตัน ดัลลัส ฟอร์ตเวิร์ธ ซีแอตเทิล นวร์ก-เอเธนส์ และไมอามี-โบโกตา
ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 2567 ผู้โดยสารจะสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่บนเครื่องบินของเอมิเรตส์ ทั้งเครื่องบิน A380 และเครื่องบินโบอิ้ง 777 รวมถึงชั้นประหยัดพรีเมี่ยมในเส้นทางกว่า 30 เส้นทาง