“โฮสเทล” วอนแก้กฎหมาย แยกประเภทที่พัก เปิดทางรายเล็กเข้าระบบ

Naree
สัมภาษณ์

โฮสเทล (Hostel) หรือที่พักขนาดเล็ก เป็นที่พักที่ได้รับการตอบรับอย่างมาก ทั้งจากผู้ลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์ (Backpacker) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการเดินทางคนเดียว หากย้อนไปช่วงก่อนโควิด-19 จะพบว่ามี “โฮสเทล” เกิดขึ้นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลใกล้แหล่งท่องเที่ยว หรือใกล้กับการขนส่งสาธารณะ เช่น สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

ล่าสุดเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการ “โฮสเทล” ได้ประกาศเปิดตัวสมาคมโฮสเทลอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับธุรกิจโฮสเทล และได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งในส่วนของภาครัฐ เอกชน องค์กร และสมาคมอื่น ๆ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

พ.ร.บ.โรงแรมอุปสรรคใหญ่

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “นรี สุเนต์ตา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นรี ฮอสพิทาลิตี้ ในฐานะนายกสมาคมโฮสเทล ประเทศไทย ถึงแนวคิดในการจัดตั้งสมาคม แผนการยกระดับมาตรฐานรวมถึงแผนการขับเคลื่อน เพื่อให้โฮสเทลมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ดังนี้

“นรี” บอกว่าผู้ประกอบการโฮสเทลได้รวมตัวกันเป็นชมรมมาตั้งแต่เมื่อ 9 ปีที่แล้ว แต่ด้วยปัญหาและอุปสรรคของธุรกิจค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องพระราชบัญญัติโรงแรม และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องที่ล้าหลัง ปรับตัวไม่ทันกับสภาพตลาดในปัจจุบัน จึงคิดว่าการจัดตั้งเป็นสมาคมจะตอบโจทย์ในเรื่องของการผลักดันกฎหมายได้ดีกว่า

เพราะเรื่องกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.โรงแรม หรือกฎกระทรวงนั้น ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคของกลุ่มโฮสเทลและโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อผลักดันในประเด็นการแยกประเภทที่พัก

นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจในด้านกฎหมาย การตลาด วิธีการทำธุรกิจโฮสเทลให้มีมาตรฐาน รวมถึงเข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการขอใบอนุญาตโรงแรม

ADVERTISMENT

“ต้องยอมรับว่า พ.ร.บ.โรงแรมที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันเก่าและล้าหลังมาก คือใช้กันมากว่า 40 ปีแล้ว แต่โลกปัจจุบันคนแทบไม่เจอหน้ากัน ระบบ เช็กอินก็เป็น Self Check-in หรือเช็กอินด้วยตัวเองได้แล้ว ฉะนั้น หลาย ๆ อย่างควรปรับปรุงและอัพเดตให้เข้ากับโลกปัจจุบัน และเราในฐานะผู้ประกอบการก็ไม่มีใครอยากทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย”

ดันแยกประเภทที่พัก

“นรี” บอกด้วยว่า กฎหมายประกอบธุรกิจวันนี้แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ ที่พักที่เป็นโรงแรมและที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม ดังนั้น สมาคมโฮสเทลจึงอยากให้มีการแยกประเภทที่พักออกมาให้ชัดเจน เช่น โฮสเทล โรงแรมขนาดเล็ก เต็นท์ รถบ้าน ฯลฯ

ADVERTISMENT

เพราะที่พักแต่ละประเภทมีโครงสร้างขนาด และกลุ่มลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น กฎหมายควบคุมจึงควรแตกต่างกัน เพื่อให้ธุรกิจแต่ละประเภทตอบโจทย์ ผู้ประกอบการได้มากขึ้น

ที่สำคัญ เพื่อให้สถานประกอบการแต่ละประเภทสามารถจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยให้คำนิยามที่พักแต่ละประเภทและวางกรอบให้ชัดเจน และทำกฎหมายรองรับแต่ละประเภทให้ทันและสอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาด

“นรี” ให้ข้อมูลว่า วันนี้กฎหมายควบคุมโรงแรมให้นิยามพักที่ไม่ใช่โรงแรมว่าเป็นที่พักที่มีเตียงรองรับไม่เกิน 30 คน และมีห้องพักไม่เกิน 8 ห้อง และมีห้อยท้ายอีกว่า ผู้ประกอบการต้องทำเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น

“เรานำเสนอประเด็นพวกนี้มาตลอด แต่สุดท้ายแล้วติด พ.ร.บ.อาคารและโยธาฯ ทำให้มองว่าการแก้ พ.ร.บ.นั้นยากมาก และต้องใช้เวลาที่นาน เลยคิดว่าเราขอห้อยท้ายได้ไหม โดยทำเป็นบทเฉพาะกาล หรือหมายเหตุ เพื่อแยกประเภทที่พักว่าเป็นแบบโฮมสเตย์ โฮสเทล เกตส์เอาส์ เต็นท์ รถบ้าน ฯลฯ เพื่อให้กฎหมายที่มีครอบคลุมทั้งหมด”

โฟกัสที่ความปลอดภัย-สะอาด

นายกสมาคมโฮสเทลฯ บอกอีกว่า ธุรกิจโฮสเทลส่วนใหญ่เป็นการเช่าอาคารพาณิชย์ ไม่สามารถที่จะตัดแปลงได้ ซึ่งอาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะติดข้อจำกัดหลาย ๆ เรื่อง ทำให้ไม่สามารถขอใบอนุญาตได้

ดังนั้น แนวทางที่ทางสมาคมอยากนำเสนอคือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดจำนวนคนต่อชั้น หรือให้วิศวกรคำนวณว่าแต่ละชั้นสามารถรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ จากนั้นให้กรมโยธาฯ เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาด

โดยมีหลายคนบอกว่าทำไม่ได้แล้วลงทุนทำไม คำตอบคือวันนี้อาคารขึ้นเยอะมาก และก็ร้างเยอะมากเช่นกัน ที่สำคัญอาคารเหล่านั้นล้วนอยู่ในทำเลที่ดี รัฐควรสนับสนุนให้คนไทยนำอาคารพาณิชย์นั้น ๆ มาสร้างมูลค่าให้ประเทศ เพราะเมื่อพัฒนาเป็นโฮสเทล และสามารถขายห้องพักได้ โฮสเทลก็เป็นส่วนหนึ่งในการนำเงินเข้าประเทศได้ และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ควรปลดล็อกเรื่องการใช้อาคารพาณิชย์ให้สามารถประกอบธุรกิจโฮสเทลได้

เน้นขาย Local Experience

พร้อมให้ข้อมูลว่า ที่พักประเภท โฮสเทล โรงแรมขนาดเล็ก โฮมสเตย์ ฯลฯ ส่วนใหญ่ต้องการขายประสบการณ์ หรือ Local Experience และเทรนด์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในปัจจุบัน คือพวกเขาต้องการซื้อประสบการณ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad หรือกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตในการทำงานและท่องเที่ยวพร้อมกัน

และนี่คือสิ่งที่โฮสเทลและโรงแรมขนาดเล็กตอบโจทย์ได้อย่างดีและตรงที่สุด

ดังนั้น จึงอยากให้หน่วยงานรัฐให้การสนับสนุน ส่งเสริม และปรับแก้กฎหมายให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมาย หากกฎหมายผ่านจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น เพราะการมีใบอนุญาตหมายความว่าผู้ประกอบการหาแหล่งเงินทุนได้ด้วย

“รัฐบาลบอกว่าวันนี้การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ดังนั้นเราควรยิ่งต้องให้ความสำคัญในทุกมิติ ไม่ใช่แค่ทำซอฟต์พาวเวอร์ หรือแค่ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ควรดูว่าอะไรคือตัวดึงดูดให้คนเข้าประเทศบ้าง”

ยันโฮสเทลปลอดภัย

ต่อคำถามถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะคนส่วนหนึ่งมองว่าโฮสเทลเป็นแหล่งมั่วสุมของนักท่องเที่ยว “นรี” ย้ำว่าประเด็นเรื่องความปลอดภัยนั้น “ราคา” จะเป็นตัวกำหนดลูกค้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทที่พัก

เพราะในที่พักทุกประเภทมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีเข้าพักเหมือนกันหมด หากทำโฮสเทลแล้วตั้งราคาสูงก็จะคัดคนเข้าพักได้ เช่นเดียวกัน หากให้ทำโรงแรมต่อ ให้มีใบอนุญาต แต่ขายถูกก็มีโจรเข้าพักได้เช่นกัน

โดยยืนยันว่า “โฮสเทล” สามารถตอบโจทย์ความเป็น Local Experience ได้ที่สุด นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้การกิน การอยู่ และการใช้ชีวิตอย่างไทยได้ใกล้ชิดที่สุด ที่สำคัญยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย

ได้รับการยอมรับในระดับโลก

“นรี” ยังพูดถึงภาพรวมของธุรกิจโฮสเทลในปัจจุบันด้วยว่า ในปี 2562 (ก่อนโควิด) ประเทศไทยมีโฮสเทลที่ลงทะเบียนขายใน Hostelworld ซึ่งเป็น OTA ขายห้องพักประเภทโฮสเทล ระดับโลกประมาณ 1,200 แห่ง หรือประมาณ 60,000 เตียง สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้ราว 340 ล้านบาท (อัตราการเข้าพักประมาณ 50%)

ปัจจุบันปี 2567 นี้ประเทศไทยมีโฮสเทลลงทะเบียนขายใน Hostelworld ลดลงไปเหลือราว 800 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศประมาณ 290 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562

“หลังโควิด-19 ผู้ประกอบการหายไปกว่า 30% โดยจังหวัดที่มีโฮสเทลสูงสุด 3 อันดับคือ กรุงเทพฯ ก่อนโควิดมี 447 แห่ง ปัจจุบันมี 215 แห่ง เชียงใหม่จาก 180 แห่งก่อนโควิด ปัจจุบันเหลือ 131 แห่ง และภูเก็ตก่อนโควิดมี 97 แห่ง ปัจจุบันเหลือ 64 แห่ง”

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผู้ประกอบการหายไปค่อนข้างมากคือเรื่องเงินทุน เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้เงินทุนส่วนตัวประกอบกับสถานที่เป็นสัญญาเช่าดำเนินการ และไม่มีใบอนุญาต จึงไม่สามารถเข้าถึงซอฟต์โลนได้

พร้อมทิ้งท้ายว่า ธุรกิจ “โฮสเทล” เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่าที่คิด ในหลายประเทศมีสมาคมโฮสเทล และยังมีสมาพันธ์โฮสเทลโลก สะท้อนว่าโฮสเทลเป็นประเภทที่พักที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก