เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ผสานความหรูหราสไตล์ไทย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษใจกลางเมือง ดีเดย์ 4 ธ.ค.นี้
โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ (THE RITZ-CARLTON, BANGKOK) ได้เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้สัญลักษณ์ใหม่แห่งความหรูหราและความงดงามทางวัฒนธรรมที่ไม่มีวันลืมเลือน ด้วยแรงบันดาลใจจากบ้านไทยหลังใหญ่บนถนนวิทยุ สู่โรงแรมแห่งใหม่ที่มีห้องพัก 260 ห้อง พร้อมวิวสวนลุมพินี ซึ่งนำการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมาสู่ใจกลางเมือง และจะพร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 4 ธันวาคมนี้
พร้อมมอบประสบการณ์การบริการและวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยโรงแรมแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโรงแรมหรูในเครือ Marriott International ตั้งอยู่ในอาคารสูง 216 เมตร ภายในโครงการวัน แบงค็อก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตแบบมิกซ์ยูสแห่งใหม่บริเวณสี่แยกถนนวิทยุและถนนพระราม 4
นางสาวทีน่า หลิว ผู้จัดการทั่วไป The Ritz Carlton เปิดเผยว่า สถานที่ดังกล่าว ตั้งอยู่ใกล้สวนลุมพินีให้ทิวทัศน์ที่ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา ตัดกับความวุ่นวายของมหานครเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าจดจำและการบริการที่เข้าใจผู้มาเยือนอย่างแท้จริงแสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองของกรุงเทพฯ
“การเปิดโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการนำเสนอการบริการอันเป็นเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับหนึ่งในโลเกชั่นที่มีชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นางสาวทีน่ากล่าว
สำหรับการผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของไทยเข้ากับความสง่างามเหนือกาลเวลาของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน และการออกแบบที่ล้ำสมัยไม่เพียงแต่ยกระดับภูมิทัศน์ความหรูหราของเมืองนี้แต่ยังมอบประสบการณ์ที่แท้จริงและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ผ่านการตกแต่งที่แฝงไปด้วยความหรูหราซึ่งไร้กาลเวลาและความทันสมัยที่ลงตัวแรงบันดาลใจจากแนวคิด “สองอารยธรรมผสานเป็นหนึ่ง” ทำให้โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โอบรับความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงอันเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวอันน่าประทับใจ ย้อนไปในช่วงปี ค.ศ. 1800
ประเทศไทยได้ผสมผสานประเพณีที่หวงแหนเข้ากับอิทธิพลจากนานาอารยประเทศได้อย่างไร้รอยต่อ ถนนวิทยุ ซึ่งเคยเป็นเคหสถานของเหล่าขุนนางไทยกลายเป็นประตูสู่ยุคใหม่ของการเดินทางและการสำรวจ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ก็สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวานี้ผ่านมุมมองอันงดงามเพื่อเชิญชวนแขกสู่โอเอซิส ที่ทันสมัยและเงียบสงบ
เมื่อมาถึงแขกจะผ่านประตูโค้งที่โอ่อ่าเข้าสู่โถงทางเข้าและ The Front Hall หรือห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะต้นฉบับและภาพถ่ายขาวดำให้บรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านพักส่วนตัว ด้วยการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยดั้งเดิมและการออกแบบร่วมสมัย ห้องพักและห้องสวีตของโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเปิดรับทิวทัศน์อันงดงามขณะที่ห้องพักหลายห้องมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มของสวนลุมพินี
โดยผู้เข้าพักสามารถเลือกห้องพัก Deluxe Room ขนาดกว้างขวาง 50 ตารางเมตร ห้องสวีต Gardenia Suite ที่ตกแต่งอย่างประณีตบนพื้นที่ 102ตารางเมตร หรือห้องสวีต Marigold และ Amaranth Suite ที่น่าหลงใหล ในขนาด 127 ตารางเมตร
นอกจากนี้ ยังมี The Ritz-Carlton Suite เพนต์เฮาส์ขนาด 389 ตารางเมตร ที่มอบประสบการณ์พักผ่อนสุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์ The Club Lounge ตั้งอยู่บนชั้นที่ 23 เป็นพื้นที่พักผ่อนสุดพิเศษและอบอุ่นที่ประดับด้วยผลงานล้ำค่า ซึ่งคัดสรรมาจากแหล่ง ท้องถิ่น มอบบรรยากาศแห่งความเป็นส่วนตัวและความประณีต โดยห้องรับรองนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของประสบการณ์ The Ritz-Carlton Club ที่เสิร์ฟอาหารห้าช่วงเวลาต่อวันในบรรยากาศอันเงียบสงบ
รวมถึงการเช็กอินที่สะดวกสบายโดยมี Club Concierge และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักที่ออกแบบเฉพาะเพื่อบริการที่เป็นส่วนตัว เพื่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ นำทุกท่านท่องไปในโลกของรสชาติและบรรยากาศที่แตกต่างกันสามแห่ง โดยแต่ละแห่งมีสไตล์ในรสชาติและบรรยากาศเฉพาะตัว
Duet by David Toutain โดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดัง David Toutain ร่วมกับ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร เชฟ Valentin Fouache ให้บริการอาหาร Modern French Cuisine ภายในเรือนกระจกที่งดงามคอนเซ็ปต์ที่ล้ำสมัยนี้สำรวจความกลมกลืนระหว่างอาหารและธรรมชาติ โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันผสานกับศิลปะการทำอาหาร เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดึงดูดประสาทสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ Lily’s ร้านอาหารที่มีชีวิตชีวาและคึกคัก
นำเสนอเมนูคลาสสิกในรูปแบบใหม่ด้วยการเพิ่มสไตล์ที่ร่วมสมัย มีจานอาหารที่ปรับแต่งได้ตามใจชอบ สำหรับการแชร์ร่วมกัน พร้อมด้วยองค์ประกอบแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่ทำให้ผู้รับประทานมีส่วนร่วมในการสร้างความทรงจำสำหรับการรับประทานที่แปลกใหม่และน่าจดจำ Caleo, ซึ่งมาจากภาษาละตินที่หมายถึง ‘การตกหลุมรัก’ แสดงถึงแก่นแท้ของการดื่มด่ำและความโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนเลานจ์สุดหรูนี้ชวนแขกให้เพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายที่สง่างามหรือค็อกเทลยามค่ำที่มีความโดดเด่น
และเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างมีศิลปะพร้อมมอบความสุขหลากมิติให้กับประสาทสัมผัส The Ritz-Carlton Spa เป็นสถานที่แห่งความสงบสุขให้แขกสามารถฟื้นฟูจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ ด้วยห้องทรีตเมนต์หรู 5 ห้อง ห้องสปาสวีตสำหรับคู่รัก และพร้อมศูนย์ออกกำลังกายทันสมัยที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายท่ามกลางความเขียวขจี
โดยมีสระว่ายน้ำสองสระ รวมถึงสระว่ายน้ำสำหรับเด็กที่จัดไว้โดยเฉพาะ ในขณะเดียวกัน นักสำรวจตัวน้อยจะได้เพลิดเพลินและสนุกสนานที่ Ritz Kids Club ซึ่งมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความร่าเริงรอคอยอยู่ The Ritz-Carlton Grand Ballroom ห้องบอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองรองรับแขกได้สูงสุดถึง 1,200 คน ด้วยพื้นที่จัดงานที่จัดสรรขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบไปด้วย ห้องจัดเลี้ยงอเนกประสงค์เก้าห้องที่ปรับเปลี่ยนได้เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานอีเวนต์องค์กรและกาล่าดินเนอร์ โดยมีพื้นที่ Prefunction และระเบียงกลางแจ้ง
นอกจากนี้ ห้องบอลรูมหลักยังมีจอ LED สามจอ เพื่อเสริมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทุก ๆ งานโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เชื่อมโยงการเข้าพักสุดหรูเข้ากับการสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นผ่านกิจกรรมพิเศษประจำวันสำหรับแขกผู้มีเกียรติ หนึ่งในนั้นคือ Defining Moment
ซึ่งเชิญชวนแขกไปที่ระเบียงเพื่อสัมผัสกับการตีความใหม่ของพิธี “กลองยาว” ประจำวัน เสียงที่ก้องกังวานนี้แสดงถึงการเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองยามเย็นโดยกิจกรรมต่าง ๆ สนับสนุนให้วันอันน่าจดจำนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน เช่นการออกกำลังกายไทเก็กยามเช้า “Terrace Chi” กับทัศนียภาพสวนสาธารณะใจกลางเมือง การทัวร์เชิงสร้างสรรค์ “New Generation” ของ One Bangkok Art Loop กิจกรรมทำดอกไม้แห้ง “Lasting Impression” สำหรับเด็ก ๆ และค็อกเทล “Golden Hour” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวและมรดกอันน่าหลงใหลของกรุงเทพฯ
นางสาวทีน่ากล่าวปิดท้ายว่า ในฐานะโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แห่งแรกในกรุงเทพฯ เรานำประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นมานำเสนอผ่านประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง กิจกรรม หรือการเดินทางเชิงศิลปะการเข้าพักของเราถูกออกแบบมาเพื่อสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ ซึ่งสอดคล้องกับแขกของเรา และให้เกียรติแก่ ‘ความเบ่งบานทางวัฒนธรรม’ ของไทย-จากอดีตที่สง่างามไปสู่อนาคตที่น่าตื่นเต้น