
ไม่มีใครไม่รู้จักประเทศเกาหลีใต้ ทุกคนรู้จักกรุงโซล ปูซาน เป็นอย่างดี เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมานาน ตั้งแต่เกาหลีรุกหนักเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือ K-Pop มานานนับทศวรรษ
แต่ถ้าพูดถึงจังหวัด “ชอลลานัมโด” ซึ่งมีเมืองท่าสำคัญอย่าง ยอซู หรือมกโพ รวมถึง ควังจู อาจมีคนรู้จักน้อย ยังไม่มีการกล่าวถึงมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองสำคัญอย่างปูซาน
KTO หรือ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี จึงต้องการเปิดรูตการท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อทำให้ “ชอลลานัมโด” เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยมากขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่ม MICE ที่มาท่องเที่ยว-ประชุม-ดูงาน ในเกาหลีใต้ไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวปกติ ที่ช่วงระยะหลังจะเกิดกระแส “แบนเกาหลี” เพราะคนไทยต้องเจอกับการคัดกรองการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด และทำให้นักท่องเที่ยวไทยที่ไปเยือนเกาหลีใต้ลดน้อยลง
ตามสถิติกลุ่ม MICE ของไทยที่มาศึกษาดูงานเกาหลีใต้พบว่า ในปี 2019 มีจำนวน 33,918 คน ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 มีจำนวน 5,383 คน ข้ามมาปี 2022 มีจำนวน 6,314 คน เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เบาบางลงในปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 27,531 คน และปี 2024 จนถึงขณะนี้มีจำนวน 24,959 คน
“สุพาพร ไม้นอก” ผู้จัดการไมซ์ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี กล่าวว่า อุตสาหกรรม MICE ของเกาหลีใต้มีมานานแล้ว เป็นแผนกหนึ่งของการท่องเที่ยว และเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงบุกเบิกทางด้านนี้ เพื่อต้องการเม็ดเงินนำมาสู่ประเทศ
เพราะเรื่อง MICE เป็นส่วนหนึ่งของการนำความเจริญไปยังเมืองต่าง ๆ ของเกาหลีที่เป็นมากกว่าเรื่องการท่องเที่ยว หากมีการมาประชุม ก็จะได้เรื่องการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ ในประเทศด้วย
รัฐบาลเกาหลีใต้จึงมีนโยบายที่นอกจากการขายเรื่องสถานที่ ความน่าสนใจของเมืองต่าง ๆ แล้วจะต้องมีการซัพพอร์ตคนมาทำกิจกรรม MICE ด้วย โดยสะท้อนความเป็นตัวของเมืองนั้น ๆ
โดยเฉพาะเส้นทางที่ต้องการบุกเบิกใหม่อย่างจังหวัด “ชอลลานัมโด” สถานที่ท่องเที่ยว ชายฝั่งของฝั่งนี้เป็นชายฝั่งที่เงียบสงบ ต่างจากปูซานที่เป็น Summer Beach แต่ฝั่งนี้เหมาะกับตลาด MICE ที่ไม่ต้องการความวุ่นวาย เหมาะกับการพักผ่อน บรรยากาศสบายไม่วุ่นวาย
และยังมีภูเขาล้อมรอบ มีไร่ชาเขียวซึ่งเป็นเกรดระดับที่ขึ้นไปยานอวกาศได้ มีป่าแห่งการบำบัด คนป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่เข้าไปสูดกลิ่นก็ทำให้อาการดีขึ้น สิ่งที่ขึ้นชื่อมีวัดในหุบเขาต่าง ๆ ในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยเช่นกัน มีอุทยานแห่งชาติ แนจังซาน
ส่วนอุตสาหกรรมที่กลุ่มจะมาดูงานได้นั้น “สุพาพร” ยกตัวอย่างว่า อุตสาหกรรมทำสาหร่าย อุตสาหกรรมต่อเรือที่คนมาทำกิจกรรม MICE มาดูงานที่นี่ได้เช่นกัน เพราะชอลลานัมโดเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเกาหลี ภูมิภาคไม่ได้หนาวเย็นจนเกินไป
และเมืองนี้ยังมีเรื่องพลังงานสะอาด โรงงานไฟฟ้าพลังน้ำขึ้นน้ำลงด้วย จึงเหมาะสำหรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของไทยที่สามารถจัดทริปดูงานได้
นอกจากนี้ ที่ยอซู ซึ่งเป็นเหมือน 1 ในอำเภอของชอลลานัมโด ยังมีศูนย์ประชุม Yeosu Expo Convention Center สามารถรองรับคนได้ 2,960 คน ซึ่งใช้ในการจัดประชุม World Expo เมื่อปี 2012 อันเป็นจุดเริ่มต้นที่พลิกเมืองประมง มาเป็นเมืองอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
และยังมี Arte Museum Yeosu รวมถึง Yeosu Art Land Culture & Resort YEOSU ART LAND MUSEUM เป็นจัดนิทรรศการศิลปะในรูปแบบมีเดียอาร์ต ที่ตื่นตาตื่นใจ
อีกเมืองหนึ่งของจังหวัดชอลลานัมโด คือ Mokpo มี Mokpo Modern History Museum เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในมกโพ ตั้งอยู่บนเนินเขาของภูเขายูดัลซาน (Yudalsan Mountain) ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเก่า และชายทะเลในเมืองมกโพ สร้างขึ้นปี 1920 เคยเป็นสถานกงสุลในยุคอาณานิคมญี่ปุ่นมาก่อน และปัจจุบันเป็นฉากสำคัญของซีรีส์ Hotel Del Luna ใน Netflix
“KTO คาดหวังคนไทยจะรู้จักเกาหลีใต้ในภูมิภาคอื่นมากขึ้น คนไทยจำเกาหลีได้จากการจำโซล ดีขึ้นอีกคือปูซาน แต่ยังไม่รู้จักภาคใต้อีกส่วนหนึ่งคือ ชอลลานัมโด อยากให้คนไทยได้คุ้นหูบ้าง เหมือนปูซานก็ยังติดหูได้ การท่องเที่ยวแบบ MICE อาจ Beyond ไปแล้ว แต่เรื่องให้แค่คนไทยได้รู้จักว่ามีที่นี่อยู่และมีเสน่ห์ที่แตกต่าง เป็นการท่องเที่ยวที่เรียบง่ายแต่มีทั้งเสน่ห์และความสะดวกรออยู่ด้วยเช่นกัน”
ส่วนอุปสรรคสำคัญที่นักท่องเที่ยวไทยต้องเจอคือ พิธีการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งบางรายถูกส่งตัวกลับประเทศ จนเกิดกระแส “แบนเกาหลี” นั้น สุพาพรยอมรับว่า มีผลกระทบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาหลีค่อนข้างมาก หลังโควิด-19 นักท่องเที่ยวลดลง แต่เป็นช่วงที่ฟื้นตัวกลับมา คนไทยกลับมาเที่ยวเกาหลีแล้วประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากมีกระแสเรื่องแบนเกาหลีทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 30%
ส่วนจะแก้อย่างไรนั้น ที่ผ่านมาผู้อำนวยการของ KTO ไปคุยกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำรายงานทุก ๆ ไตรมาส มีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น เจ้าของปั๊มน้ำมันพาลูกน้องไป K-ETA ไม่ผ่าน แล้วทำให้กรุ๊ปนั้นทั้งกรุ๊ปล่มไป เป็นต้น
โดยมีตัวเลขที่โชว์ไปให้ทางเกาหลีดู ในท้ายที่สุดก็เพิ่มช่องให้เลือกว่าเดินทางมาลักษณะดูงาน รับรองโดยบริษัท เป็นเวลาเท่าไหร่
พร้อมย้ำว่า ประเด็นตอนนี้ไม่ใช่อยู่ที่ K-ETA ผ่านหรือไม่ผ่าน แต่คนรู้สึกไม่ดีกับเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก แต่ฝั่งตรวจคนเข้าเมืองเขาก็มีหน้าที่ของเขาและมีกฎของเขาเช่นกัน