โรงแรมตีปีกรับปลายปี ลุ้น “เราเที่ยวด้วยกัน” ดันโมเมนตัมปีหน้า

rr

จากแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวของไทยในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจโรงแรมได้รับอานิสงส์กันถ้วนหน้า

“เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ช่วงเทศกาลลอยกระทงเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าโรงแรมมีอัตราการเข้าพักโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ สุโขทัย ที่มีอัตราการเข้าพักถึงกว่า 90%

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์

จากแนวโน้มนี้ ทำให้คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศเฉลี่ยในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีนี้ จะอยู่ในระดับดีอย่างชัดเจน

สอดรับกับข้อมูลจากรายงานของสมาคมโรงแรมไทย (THA) ที่ระบุว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจากการทำสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนพฤศจิกายน 2567 (Hotel Business Operator Sentiment Index) ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2567 (จำนวนผู้ตอบแบบสำรวจ 83 แห่ง) พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเดือนเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อน

โดยปรับเพิ่มขึ้นมากในกลุ่มโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ตามฤดูกาลท่องเที่ยว โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 72% ซึ่งภาคกลางเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุดที่ 77.8% รองลงมาคือ ภาคใต้ 74.3% ภาคตะวันออก 70.9% และภาคเหนือ 60.3% (ดูตารางประกอบ)

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ในภาพรวมของเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยคิดเป็น 72% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งกลุ่มลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียและตะวันออกกลาง (ไม่รวมจีนและมาเลเซีย) ยุโรปตะวันตก และจีน ซึ่งส่วนใหญ่เข้าพักโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป

สำหรับเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าอัตราการเข้าพักทั่วประเทศเฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 72% ใกล้เคียงกับช่วงเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน

ADVERTISMENT

รายงานดังกล่าวยังให้ข้อมูลด้วยว่า โรงแรมส่วนใหญ่มีจำนวนแรงงานเพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ โดยในเดือนพฤศจิกายนมีสัดส่วนโรงแรมที่เผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลัก และโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่กระทบเพียงคุณภาพการให้บริการ แต่ไม่กระทบกับความสามารถในการรองรับลูกค้า

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ยังต้องการมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในหลายประเด็น ได้แก่ 1.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเน้นส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยวและประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวไทยในระดับสากล และพิจารณาให้มีมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” อีกครั้งในปีหน้า เพื่อทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตต่อเนื่อง และสนับสนุนให้สร้างแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มเติม

2.มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ลดภาษีที่ดินและโรงเรือน มาตรการลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างค่อยเป็นค่อยไป

3.มาตรการด้านแรงงาน โดยให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนการเพิ่มทักษะของแรงงาน โดยเฉพาะทักษะด้านการให้บริการ และต้องการให้ภาครัฐหรือสถาบันศึกษาสนับสนุนการจัดหาแรงงานเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมมากขึ้น 4.มาตรการด้านการเงิน เช่น มีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับปรับปรุงที่พักแรม

และ 5.มาตรการอื่น ๆ เช่น สิทธิประโยชน์สำหรับโรงแรมที่ได้รับการรองรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และสิทธิประโยชน์เฉพาะโรงแรมที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม

ขณะเดียวกันยังพบว่า ผลจากการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 93 ประเทศ ทำให้ “กรุงเทพฯ” ครองอันดับ 1 เมืองที่นักท่องเที่ยวเยือนมากที่สุดในปี 2567 อีกทั้งยังเป็นแรงหนุนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ

โดยสมาคมโรงแรมไทยเชื่อมั่นว่า นโยบายดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีทั้งธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้