ผู้ว่าการ ททท. ทอล์ก ‘เสน่ห์อีสาน’ คาดปี’68 ต่างชาติเข้าไทย 40 ล้านคน ลุยจัดอีเวนต์อินเตอร์

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ผู้ว่าการ ททท. ทอล์ก ‘เสน่ห์อีสาน’ หวังปี’68 นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 40 ล้าน ลุยจัดอีเวนต์อินเตอร์

ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ ‘เครือมติชน’

โดยเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. บุคคลต่าง ๆ ทยอยเดินทางมาเข้าร่วมอย่างคึกคัก โดยลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียนบริเวณทางเข้าหอประชุม รวมถึงเต็นท์หน้าทางขึ้นสู่หอประชุม พร้อมรับหนังสือ ‘โคราชของเรา’ ผลงาน สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการบริหาร และ ขรรค์ชัย บุนปาน บรรณาธิการอำนวยการ ภายใต้โครงการแบ่งปันความรู้ เชิดชูศาสนา พัฒนาแหล่งน้ำลำคลองของเครือมติชน

ในการนี้ ผู้บริหารในเครือมติชนให้การต้อนรับ นำโดย นางสาวปานบัว บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายนฤตย์ เสกธีระ บรรณาธิการ กองบรรณาธิการมติชน, นายสุพัด ทีปะลา บรรณาธิการบริหาร กองบรรณาธิการมติชน, นายสมปรารถนา คล้ายวิเชียร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายเทคโนโลยี บมจ.มติชน และนายจำลอง ดอกปิก ที่ปรึกษากองบรรณาธิการมติชน

เวลา 11.10 น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในหัวข้อ อีสาน ผ่าน Soft Power : จากอัตลักษณ์สู่ความยั่งยืน ว่า หนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลคือการฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว เราต้องการบริหารความเสี่ยงทั้งตลาดต่างประเทศ และตลาดในประเทศ ต้องขับเคลื่อนใน 3 มิติ Drive Demand จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากที่จะเข้ามา และเข้ามาในทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะเมืองหลักเท่านั้น ไม่งั้นเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง เราต้องเน้นการ Shape Supply เมื่อเข้ามาแล้วสินค้าและบริการตอบโจทย์เขาหรือไม่ ในภาคอีสานมีศักยภาพ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการเข้ามาของนักเที่ยวต่างชาติ

“การทำ Supply ให้ดี ก็จะไปตอบโจทย์ Demand เข้ามาเป็นแบบ Repeater สุดท้ายการ Strive for Excellence ก็คือการยกระดับศักยภาพ ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการ น้อง ๆ ในวันนี้ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เราต้องมีการ Upskill Reskill หรือบริหารศักยภาพไม่ใช่เพื่ออุตสาหกรรมภาคบริการ การท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อเศรษฐกิจของประเทศ” น.ส.ฐาปนีย์กล่าว

ADVERTISMENT

น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอยู่ที่ 33.9 ล้านคน เราประมาณการ Best Case ของปีนี้จะทำได้ 35 ล้านคน เราดูตัวเลขจากความพยายามเพิ่มความถี่สายการบินเข้ามาในประเทศ ตัวเลขใกล้กับ Best Case แล้ว เราคิดว่าทำได้แน่นอน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 อันดับแรก

นักท่องเที่ยวจีนเคยเข้ามามากสุด 11 ล้านคน แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจเขาต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจีนตัวเลข 8 พันล้านคนครั้ง เท่ากับ 1 ประชากร เดินทางเกือบ 5 ครั้ง ทำให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศลดน้อยลง แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่จีนออกมานอกประเทศมากที่สุด ไม่ได้นับรวม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน แต่เราได้ New High ใหม่ เป็นประวัติศาสตร์สูงสุดจากประเทศอินเดีย 2 ล้านคน และเป็นอินเดียที่มีคุณภาพ เราต้องกลับมามองว่าคนอินเดียมามองอีสานไหม

ADVERTISMENT

“ถามทุกตลาดว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศ เขามองหาอะไร อินเดียส่วนใหญ่กลุ่มครอบครัวเขามีเงินมากขึ้น สิ่งที่เขาอยากเห็นคือที่นั่นตอบโจทย์ครอบครัวไหม มี Theme Park, Water Park ไหม เขานึกออก กรุงเทพฯ หัวหิน ชลบุรี และภาคใต้ แต่เขานึกไม่ออกภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอะไรที่ตอบโจทย์แบบนี้บ้าง ททท. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และพวกเราทุกคน ต้องพยายามทำให้เขาเห็น บริหารเสน่ห์ บริหารมูนมัง วัฒนธรรม บวกกับแมนเมด หรือบวกกับสิ่งที่ไปแตะพฤติกรรมนักท่องเที่ยว” น.ส.ฐาปนีย์กล่าว

น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า จะเห็นว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวปีนี้แตะ 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งปีหน้าจะมีการปรับปรุงการจัดเก็บรายได้นักท่องเที่ยว เพราะมีรายได้ใต้ดินที่ยังไม่สามารถจัดเก็บได้บนดิน ที่ทำให้เห็นว่านักท่องเที่ยวใช้จ่ายต่อหัวไปเท่าไหร่ หลายคนใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลอยู่แล้ว เวลานักท่องเที่ยวเดินเข้าไปตามชุมชนเขาสแกนจ่าย ถ้าเราจัดเก็บใต้ดินมาบนดินได้ รายได้จากสินค้าภาคบริการ และการท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น

ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ ตั้งแต่นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ นโยบาย Ignite Tourism Thailand ได้มีการบูรณาการร่วมกัน ทำให้การทำงานง่ายขึ้น ตอบโจทย์ได้มากขึ้น เพิ่มสินค้า บริการ วัตถุดิบได้เพิ่มมากขึ้น อย่างที่ รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้นำเสนอไว้แล้วว่าภาคอีสานมีอะไรบ้าง และถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดบริหารเสน่ห์ซอฟต์พาวเวอร์ได้ดี ก็จะช่วยอุตสาหกรรมภาคบริการการท่องเที่ยวได้มากทีเดียว

น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า นโยบายฟรีวีซ่า ถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก ทั้งนักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน ทำสถิติสูงสุด พร้อมผลักดันเส้นทางบินตรงจากอเมริกา เพื่อเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศต้องการเป็นจุดหมายปลายทาง (Preferred Destination) เหมือนกัน การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมา ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในใจเขา แต่เราต้องบริหารให้ดี ถ้าเขามาแล้วไม่พบกับความประทับใจ เป็นเรื่องที่เราต้องบริหารและเป็นการบริหารที่ยากด้วย

น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเป็น Tourism Hub และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมี 5 คัมภีร์ ประกอบด้วย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าว, 5 Must Do in Thailand, เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว, Hub of ASEAN โดย Euromonitor International เพิ่งประกาศว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก 32 ล้านคน, World Class Event Hub เมืองไทยต้องไม่หลับใหล

“Local to Global มูนมังทางวัฒนธรรม ที่ก่อให้เกิดในเรื่องประเพณีวัฒนธรรมอันล้ำค่า มุ่งไปสู่การเป็น International Event ทำให้เมืองไทยไม่หลับใหล อีสานก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เมืองไทยไม่หลับใหล” น.ส.ฐาปนีย์กล่าว

น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศแคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025” ผู้เยี่ยมเยือนที่ต้องการมาแบบ Sport Tourism มีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งปี 2568 ประเทศไทยเป็นประเทศเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์ด้วย พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ปี 2568 เป็นปีที่ดีที่สุดของการทำให้นักท่องเที่ยวมากที่สุด อยากให้แตะถึงระดับ 40 ล้านคน