
นับวันปรากฏการณ์ “มิจฉาชีพ” บนโลกออนไลน์ยิ่งมีรูปแบบการหลอกเหยื่อที่หลากหลายและแนบเนียนขึ้นตามพัฒนาการของเทคโนโลยี และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจที่รุนแรง
โดยมีเป้าหมายทั้งขโมยเงิน ข้อมูลส่วนตัว และเข้าถึงบัญชีต่าง ๆ ของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อหาประโยชน์ต่อจากนั้น ด้วยการแชร์ทริปดี ๆ ราคาน่าคบหา
“Visa” ในฐานะผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก และให้บริการในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างผู้บริโภค ร้านค้า สถาบันการเงิน และหน่วยงานภาครัฐในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพที่จะฉวยโอกาสในช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และช่วยให้ทุกคนได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขกันอย่างปลอดภัย
โดยแบ่งปันข้อมูลให้เรารู้เท่าทันเล่ห์มิจฉาชีพ 5 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.การโจมตีแบบฟิชชิ่ง : การโจมตีแบบฟิชชิ่งมักมาในรูปแบบที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย เช่น ข้อความขอความช่วยเหลือจาก “เพื่อน” หรืออีเมล์ประกาศว่า คุณเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ ไม่ให้เราตั้งตัว แต่ทิ้งความเสียหายแบบเจ็บฝังลึกเพื่อหลอกล่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
พวกมิจฉาชีพมักอ้างว่าเป็นคนที่เราคุ้นเคย หรือจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือฉวยโอกาสจากข้อความแจ้งเตือน เพราะเราเองก็กำลังมองหาโปรโมชั่นดี ๆ เพื่อช็อปปิ้งส่งท้ายปีเช่นกัน ดังนั้น เราต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบและทำต่อเมื่อแน่ใจเท่านั้น
2.สวมรอยเป็นร้านค้าที่ชื่นชอบ : เมื่อขาช็อปปิ้งกำลังตามล่าหาดีลสำหรับเทศกาลวันหยุด มิจฉาชีพก็ฉวยโอกาสสวมรอยเป็นร้านค้าออนไลน์คอยจับเหยื่อแบบไม่ให้รู้ตัว โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา Visa PERC (นิเวศทางการชำระเงินของวีซ่า) พบว่ามีเว็บไซต์ปลอมเพิ่มขึ้นถึง 284% เมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้า
สะท้อนชัดเจนว่าร้านค้าปลอมเหล่านี้กำลังเข้ามาสร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมสร้างโฆษณาที่ดึงดูดใจ เสนอส่วนลดแบบถล่มทลายสำหรับสินค้าลักเซอรี่ต่าง ๆ เพื่อล่อให้เหยื่อส่งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญสำหรับการชำระเงินมาเพื่อจบการซื้อขายที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
หากเจอแบบนี้แนะนำให้ถามตัวคุณเองด้วยคำถามง่าย ๆ 3 ข้อคือ ข้อเสนอนี้น่าเชื่อหรือไม่ ฉันกำลังชำระเงินด้วยวิธีที่ปลอดภัยหรือไม่ และฉันต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่

3.หลอกเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยดีลปลอม : เทศกาลวันหยุดคือช่วงพีกของการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้มิจฉาชีพเลือกพุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมเหล่านี้โดยการสร้างเว็บไซต์ปลอม ส่งอีเมล์หลอกลวงเกี่ยวกับการยกเลิกเที่ยวบิน และทำรายการสถานที่เที่ยวช่วงเทศกาลวันหยุดที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อหวังขโมยข้อมูลและเงินของเรา
ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าได้จองการเดินทางกับร้านค้าที่ไว้ใจได้ โดยตรวจสอบ URL ของผู้ให้บริการสายการบิน การท่องเที่ยว และที่พัก หลีกเลี่ยงโฆษณาออนไลน์ที่จะลิงก์ไปยังเว็บไซต์บริษัทท่องเที่ยวปลอม และสุดท้ายชำระเงินผ่านช่องทางที่ปลอดภัย
4.ทำให้เข้าใจผิดด้วยแอปพลิเคชั่นปลอม : แอปพลิเคชั่นมือถือปลอมที่มาในธีมเทศกาลวันหยุด โผล่ให้เห็นเยอะขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมเสนอบริการแบบครบวงจรตั้งแต่วางแผนการเดินทางไปจนถึงการค้นหากิจกรรมสนุก ๆ ซึ่งบางครั้งกิจกรรมเหล่านี้เป็นทัพหน้าของมัลแวร์ที่เข้ามาปล้นข้อมูลการล็อกอินและการชำระเงินของเราได้เช่นกัน
ดังนั้น การใช้งานแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ให้ระวังการอนุญาตให้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลอะไรบ้างบนมือถือของเรา และให้อัพเดตอุปกรณ์อยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าความปลอดภัยของเครื่องเราเป็นปัจจุบัน
และ 5.ขโมยบัตรและข้อมูลส่วนตัว : เมื่อการช็อปปิ้งและการเดินทางท่องเที่ยวในเทศกาลหยุดยาวอยู่ในช่วงขาขึ้น ความเสี่ยงเรื่องขโมยจึงสูงตามเช่นกัน การออกไปช็อปปิ้งก็เป็นการเปิดช่องให้เราเสี่ยงโดนขโมยบัตรเพื่อการชำระ โทรศัพท์ หรือขโมยข้อมูลสำคัญในการชำระเงินผ่านอุปกรณ์สกิมมิ่งจากตู้เอทีเอ็มด้วย
หากต้องอยู่ในที่สาธารณะให้คอยระมัดระวังสิ่งรอบตัว และเก็บข้าวของให้ปลอดภัย แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่น่าสงสัย ณ ตู้เอทีเอ็ม หรือเครื่อง POS ที่จุดรับชำระเงินที่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ เพื่อให้เทศกาลวันหยุดเป็นเวลาแห่งความสุขของทุกคน