“อีลิทการ์ด” ปรับกลยุทธ์รอบทิศ เพิ่มดีกรีเจาะตลาด “ศักยภาพสูง”

thailand

“ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” ชี้บัตรอีลิทยังเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว รุกปรับกลยุทธ์ เพิ่มสิทธิประโยชน์-บริการพิเศษตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพิ่มดีกรีขยายฐานสมาชิกจากตลาดใหม่ต่อเนื่อง เผย “รัสเซีย-อินเดีย-ตะวันออกกลาง” ศักยภาพสูง ย้ำสร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจให้ประเทศปีละกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิก Thailand Elite Card หรือ “อีลิท การ์ด” ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แม้นโยบายเรื่องของการเก็บภาษีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน จะมีผลกระทบต่อรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการขายบัตร “Thailand Privilege Card” แต่ก็เป็นโอกาสในการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวและเติบโตได้มากขึ้นในระยะยาว

นายมนาเทศกล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าโครงการ Thailand Privilege Card ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยว โดยไม่เพียงแค่การขายบัตร แต่ยังรวมถึงการใช้จ่ายในภาคบริการอื่น ๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว และการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ภาครัฐต้องมีการปรับปรุงนโยบายให้สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพทางการเงิน เช่น นักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ที่ต้องการพำนักในประเทศไทยระยะยาวให้เข้ามาใช้บริการในประเทศมากขึ้น

ปี 2568 นี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ของกลุ่มลูกค้าระยะยาว โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์และบริการพิเศษเพื่อดึงดูดกลุ่มที่ต้องการลงทุนและใช้ชีวิตในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงเสริมความน่าสนใจของบัตรด้วยการเสนอบริการที่หลากหลาย เช่น การปรับปรุงสิทธิพิเศษด้านสุขภาพและการดูแลในสถานพยาบาล รวมถึงการจัดโปรแกรมพิเศษที่ตอบสนองกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

และมุ่งมั่นที่จะขยายฐานสมาชิกจากกลุ่มเป้าหมายใหม่ในตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดที่มีศักยภาพสูง อาทิ ประเทศรัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง เมียนมา และเกาหลี โดยจะใช้กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในหลายประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์บัตร Thailand Privilege Card และการร่วมงานกับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์

รวมถึงให้ความสำคัญกับตลาดญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนอ่อนลง ซึ่งทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาลดลง รวมถึงไต้หวันที่เริ่มมีการเดินทางเข้ามามากขึ้น จากปัจจัยด้านความขัดแย้งกับจีน ขณะที่ตลาดจีนที่เป็นลูกค้าหลักอาจชะลอตัวลงในปีนี้ จากปัจจัยความเชื่อมั่นในประเทศไทยและเศรษฐกิจจีน รวมถึงนโยบายการท่องเที่ยวภายในประเทศจีนที่มีมากขึ้น

ADVERTISMENT

“เรามั่นใจว่า กลยุทธ์ที่เราวางไว้จะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพสูงจากต่างประเทศให้เข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก”

นายมนาเทศกล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสมาชิกบัตร Thailand Privilege Card ทั้งหมด 37,603 ราย มีอัตราการเติบโตสูงถึง 300-400% มียอดขายรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว Bronze Card บัตรสมาชิกประเภทใหม่ที่มีค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ 650,000 บาท พร้อมสิทธิที่ครอบคลุมทั้งบริการ Fast Track Immigration ที่สนามบิน และบริการ Elite Personal Assistant (EPA) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการพำนักระยะยาวในประเทศไทย

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ยังขยายความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำหลากหลายสาขา อาทิ การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ และการเงิน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับสมาชิก รวมถึง BDMS ในฐานะพันธมิตรด้าน Health & Wellness เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มสมาชิกในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอินเดีย ซึ่งมีความสนใจในบริการด้านการดูแลสุขภาพในประเทศไทย

“ปัจจุบันสมาชิกของ Thailand Privilege Card ใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 1,400,000 บาทต่อปี อาศัยอยู่ในประเทศมากกว่า 100 วัน/ทริป สร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยโดยรวมในแต่ละปีมากถึง 40,000-50,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ที่พัก การดูแลสุขภาพ และการจับจ่ายในบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพำนักในประเทศ” นายมนาเทศกล่าว