
อุตสาหกรรมไมซ์ไทยโต “รอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์” พลิกโฉมแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์-ความบันเทิงรองรับงานไมซ์ระดับโลก ด้าน “ทีเส็บ” หนุนประเทศไทยศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ระดับโลก เผยปี’67 ธุรกิจไมซ์สร้างรายได้กว่า 1.7 แสนล้านบาท “แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล” คาดขยายได้ถึง 11.6% ภายในปี’70
นายเดวิด แลนซ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศไทย ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ด้วยทำเลที่สะดวกสบายและมีเสน่ห์ ผสมผสานระหว่างการตกแต่งไทยและสากล รวมถึงตั้งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงประวัติศาสตร์และความบันเทิงหลากหลาย
ไม่เพียงเท่านี้ โรงแรมแห่งนี้ยังพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก ซึ่งการเก็บข้อมูลพบว่าปี 2566 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวภายในประเทศเดินทางเข้ามาเยือนถึง 16.8 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมีจำนวนสูงถึง 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะเดียวกันการจัดงานประชุมระดับนานาชาติในประเทศไทยก็ได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกกว่า 1.6 ล้านคน
ปรับพื้นที่รองรับงานไมซ์
นายเดวิดกล่าวว่า จากแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ในปีที่ผ่านมาโรงแรมจึงได้มีการปรับปรุงพื้นที่เพื่อรองรับงานไมซ์ โดยมีห้องจัดงานที่มีจอแอลอีดีขนาด 22 เมตร ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯและสามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 1,000 คน ในรูปแบบงานค็อกเทล หรือ 650 คน ในรูปแบบงานเลี้ยงที่นั่งโต๊ะอาหาร
นอกจากนี้ ยังมีห้องประชุมริมน้ำที่มีการติดตั้งจอแอลอีดีขนาด 98 นิ้วที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์งานอีเวนต์ต่าง ๆ รวมถึงการประชุมของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่จัดขึ้นที่โรงแรมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีห้องพัก 726 ห้อง พร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และร้านอาหารหลากหลายประเภท เช่น ธาราทอง (ร้านอาหารไทย) จอร์โจ้ (ห้องอาหารอิตาเลียนสไตล์รัตโทเรีย) รวมถึงร้านอาหารที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส เป็นต้น
ยกระดับไทยฮับอีเวนต์ระดับโลก
ด้านนางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์องค์กรและสื่อสารองค์กร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) หรือทีเส็บ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ของประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 นี้ ทีเส็บเตรียมขับเคลื่อนการตลาดไมซ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจัดงานเมกะอีเวนต์ระดับโลกและการประชุมระหว่างประเทศ
โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในปีนี้ คือ การเตรียมการจัดงานระดับโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นคืองานประชุมของ IMF และ World Bank ที่จะจัดขึ้นในปี 2569 ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ระดับโลกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เราคาดว่าอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยในปีนี้จะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานเมกะอีเวนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการมีการสร้างมาตรฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้การจัดงานเป็นไปตามหลักการยั่งยืน ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจจากองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานไมซ์ในอนาคต”
กรุงเทพฯ ศูนย์กลางไมซ์โลก
นางสาวนุชกล่าวว่า รายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ส่งผลสำคัญต่อการสร้างงานและอาชีพใหม่ในภาคการท่องเที่ยวและการจัดประชุมของประเทศ ซึ่งคาดว่าในปี 2568 นี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวไมซ์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25.35 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไมซ์ต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านคน
“ปี 2567 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมไมซ์ไทยสร้างรายได้รวม 176,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.67% ขณะที่ในปี 2566 มีการเติบโต 1.03% โดยกรุงเทพฯยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยว โดยมีพัทยาและภูเก็ตเป็นอันดับถัดไป” นางสาวนุชกล่าวและว่า
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กรุงเทพฯยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของอุตสาหกรรมไมซ์ คือ สถานที่จัดงานที่มีมาตรฐานระดับโลก และบริการที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ สำหรับสถานที่จัดงานใหม่ ๆ เช่น โรงแรมรอยัล ออคิด เซอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ยกระดับมาตรฐานใหม่สำหรับการประชุมและอีเวนต์ในกรุงเทพฯ
“อุตสาหกรรมไมซ์ยังมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Generation Z ซึ่งให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย นอกจากนี้ยังสนใจการใช้เทคโนโลยี เช่น AI และแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สะดวกและทันสมัยด้วย ซึ่งในอนาคตจะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”
คาดปี’70 อุตฯไมซ์โต 11.6%
ขณะที่นายแบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า แมริออทมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในภูมิภาค โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ที่สูงถึง 11.6% ภายในปี 2570 ซึ่งถือเป็นการย้ำความสำคัญของการเติบโตในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการสร้างความเปลี่ยนแปลงในประเทศ
“ปีนี้โรงแรมเปิดตัวโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานหรือพักที่โรงแรม โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำและสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เลือกใช้บริการโรงแรม ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” นายแบรดกล่าว