หวั่นเศรษฐกิจโลกป่วนท่องเที่ยว สัญญาณเติบโตกุมภาฯ เริ่มชะลอ

airport

ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจัดทำโดยหน่วยงานด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-11 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 42 วัน ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมรวม 5.01 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 120,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 17%

โดยนักท่องเที่ยวจีนยังสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 8.47 แสนคน รองลงมาคือ มาเลเซีย 6.44 แสนคน และรัสเซีย 3.47 แสนคน

หลังตรุษจีนตัวเลขเริ่มชะลอตัว

“สรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า ภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมาอยู่ในแนวโน้มที่ดีมาก มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 3.7 ล้านคน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2567 แต่พบว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยเริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน

โดยพบว่าสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ (วันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ 2568) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 119,630 คน ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์ดังกล่าวมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 837,407 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 109,551 คน หรือ 11.57%

ทั้งนี้ เป็นผลจากนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ หรือ Short Haul ชะลอตัวด้านการเดินทางภายหลังสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน รวมถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในหลายปัจจัยของนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เช่น สถานการณ์ภายในประเทศเกาหลี อุบัติเหตุทางอากาศ การเมือง ค่าเงิน ฯลฯ

นักท่องเที่ยวในสนามบิน

ADVERTISMENT

ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล หรือ Long Haul กลับฟื้นตัวมากขึ้น โดยเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 4.15% จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดรัสเซีย และนักท่องเที่ยวตลาดฝรั่งเศส ที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 41.53% จากกิจกรรมส่งเสริมตลาด จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และการเข้าสู่ช่วงวันหยุดปิดเทอม

สัปดาห์ที่ 2 ก.พ.ยังทรงตัว

สำหรับแนวโน้มในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน (10-16 กุมภาพันธ์) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยในระดับทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา การมีมาตรการ Ease of Traveling ของรัฐบาล ฯลฯ รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

ADVERTISMENT

“สรวงศ์” บอกด้วยว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา รวม 4,804,876 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 234,958 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 825,617 คน มาเลเซีย 617,631 คน รัสเซีย 330,628 คน เกาหลีใต้ 263,572 คน และอินเดีย 232,828 คน

สถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย

อัตราเข้าพักเฉลี่ย ก.พ.ร่วง 6 จุด

ขณะที่ “เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์” นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) บอกว่า ข้อมูลจากการสำรวจดัชนีเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนมกราคม 2568 จากผู้ประกอบการที่ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 109 แห่ง พบว่า ธุรกิจโรงแรมเดือนมกราคม 2568 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า (ธันวาคม 2567) โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) ที่ระดับ 74%

โดยภาคใต้เป็นภูมิภาคที่ธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุดที่ 81.1% รองลงมาคือ ภาคกลาง 77.9% ภาคตะวันออก 72.5% และภาคเหนือ 71.7% (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่แสดงข้อมูลเพราะมีผู้ตอบแบบสอบถามน้อย) โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันตก

และคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะลดลงจากเดือนมกราคม 6 จุด มาอยู่ในระดับ 68% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 1/2568 ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ (35%) จะมีจำนวนลูกค้าต่างชาติ (ไม่รวมจีน) ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่ 25% คาดเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10% และอีก 14% คาดเพิ่มขึ้น 11-20%

โรงแรม 3-4 ดาวจ่อปรับราคาห้องพัก

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนนั้น พบว่า โรงแรมกว่า 42% คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 28% คาดว่าจะมีจำนวนลดลงไม่เกิน 10% ส่วนอีก 16% คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าจีนเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10%

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมประมาณ 70% มองว่ากลุ่มโรงแรม 3-4 ดาว มีแนวโน้มปรับราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขอรัฐอัดมาตรการหนุน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ หรือประมาณ 63% มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยมากที่สุดเช่นกัน รองลงมาคือ ประเด็นเรื่องค่าแรง ที่ราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ ต้นทุนการเงิน ฯลฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันด้านราคาระหว่างธุรกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต่ำกว่าคาดการณ์ จำนวนเที่ยวบินไม่เพียงพอ ค่าเงินบาทผันผวน ฯลฯ

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังต้องการมาตรการช่วยเหลือจากทางภาครัฐใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง แก้ไขภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของการท่องเที่ยวไทย เช่น ความปลอดภัย ความสะอาด และปัญหา PM 2.5 2.มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรง รวมถึงการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม

3.มาตรการด้านการเงิน มีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SMEs เพื่อปรับปรุงโรงแรม 4.มาตรการด้านแรงงาน โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะแรงงาน และ 5.มาตรการอื่น ๆ เช่น พัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้มีความสะดวกและมีมาตรฐาน

ปี’68 ศก.โลกมีความเสี่ยงสูง

ก่อนหน้านี้ “ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงลงทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร มองว่า หากวิเคราะห์จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลที่ตั้งไว้ที่ 38 ล้านคนในปีนี้ เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นอีกแค่ 3 ล้านคน

สะท้อนว่าแรงส่งจากการท่องเที่ยวในปี 2568 กำลังชะลอตัวลง โดยสาเหตุหลักน่าจะมาจากทั้งสภาพเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในโลก รวมถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลังโควิด และ “การท่องเที่ยว” อาจไม่ใช่เสาหลักที่แบกเศรษฐกิจไทยเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป

ดังนั้น ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจควรแข็งแรงและช่วยผลักดัน GDP ไทยไปด้วยกัน เพราะในปี 2568 นี้ เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามการค้าที่น่าจะกระทบบรรยากาศการค้าไปทั่วโลก