ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ โฉมใหม่ “Back to The Nature”

หลังจากเปิดให้บริการมากว่า 10 ปี โรงแรม “ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ” ได้ทุ่มงบฯปรับโฉมใหม่แบบ “หัวจดเท้า” ตลอดทั้งปี 2560 ที่ผ่านมา และแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด พร้อมทั้งประกาศเปิดตัวโฉมใหม่ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา
 
“กีรติ สัยงาม” ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ เล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการปรับโฉมใหม่ของโรงแรมครั้งนี้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ของโรงแรมตั้งแต่เปิดให้บริการมาเลยทีเดียว ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำความพร้อมในการต้อนรับนักเดินทางท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น
 
โดยรูปแบบและแนวคิดการออกแบบสำหรับการปรับโฉมครั้งนี้ ดีไซเนอร์มีอินสไปเรชั่นจากการที่อยากให้แขกที่เข้ามาพักและเข้ามาใช้บริการทุกคนได้เข้าใกล้ชิดธรรมชาติ ภายใต้แนวคิด “Back to The Nature” หรือการกลับคืนสู่ธรรมชาติทุกองค์กรประกอบ แม้แต่พรมปูพื้นล้วนสะท้อนความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกจากข้างในว่าผ่อนคลาย
 
เริ่มตั้งแต่ “ล็อบบี้” ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณส่วนต้อนรับ ได้ถูกออกแบบเป็น “คอนเน็กชั่น” ซึ่งเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างห้องอาหาร บาร์ และเลานจ์ ไว้ในที่เดียวกัน และมีพื้นที่ให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ทำงานร่วมกันในลักษณะเหมือนกับ coworking space หรือโซเชียลฮับ ที่สามารถสั่งอาหาร หรือเครื่องดื่มรับประทานได้ โดยพื้นที่ดังกล่าวนี้มีโต๊ะนั่งทำงาน มีปลั๊กไฟที่เป็นยูนิเวอร์แซล มีสายเคเบิลให้เสียบกับคอมพิวเตอร์ และให้บริการไวไฟทั่วพื้นที่ของโรงแรมด้วย
 
ในส่วนของห้องอาหารได้ปรับเปลี่ยนห้องอาหาร “จินเจอร์ ออลเดย์ ไดนิ่ง” ให้มีบรรยากาศเหมือนโอเอซิสในอาคาร ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างตัวอาคารกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ใจกลางกรุงเทพฯที่นำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหาร โดยเสิร์ฟอาหารบุฟเฟต์และอาหารตามสั่งทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น และมีบรรยากาศทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกใช้บริการ และที่โดดเด่นและถือว่าประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีมากคือ
 
“เบียร์ รีพับลิก กรุงเทพฯ” อาณาจักรเบียร์ที่คัดสรรมาจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งเบียร์ขวด คราฟต์เบียร์ รวมกันมากกว่า 70 ชนิด และมีเบียร์ตัวใหม่ ๆ เข้ามาทำโปรโมชั่นทุกเดือน บริการอาหารทั้งยุโรปและอาหารไทย พร้อมดนตรีแสดงสดทุกวัน
 
โดยในส่วนของ “เบียร์ รีพับลิก กรุงเทพฯ” ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างมีสไตล์ มีกลิ่นอายของบรรยากาศแบบยุโรป ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่มีบรรยากาศเป็นกันเองเหมาะสำหรับเป็นสถานที่นัดพบแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งได้วางคอนเซ็ปต์ให้ร้านอาหารแห่งนี้สามารถรองรับทั้งกลุ่มคนทำงาน และนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
 
นอกจากนี้ ในส่วนของ “ห้องพัก” ก็ถูกออกแบบใหม่ที่ลงตัวอย่างมีสไตล์ โดยสถาปนิกผู้ชนะรางวัลจากบริษัท สถาปนิก A49 ซึ่งมีหลักการและแนวคิดในการออกแบบจากธรรมชาติทั้งหมดรวม 379 ห้องพัก ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 แบบ ตั้งแต่ห้องเดอลุกซ์, ห้องพรีเมียร์, ห้องเอ็กเซ็กคูทีฟ ที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ในการเข้าใช้คลับเลานจ์ตลอดการเข้าพัก รวมถึงห้องสวีต
 
“กีรติ” ยังบอกด้วยว่า การปรับโฉมใหญ่ครั้งนี้ใช้หลายส่วนมาผสมผสาน เพราะการปรับในแต่ละจุดนั้นต้องใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ วิจัย มาช่วยมากพอสมควร ว่ากลุ่มเป้าหมายของโรงแรมที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจ นักบริหารที่แอ็กทีฟ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่นอกจากความต้องการในการพักเพื่อธุรกิจแล้วยังต้องการพักผ่อนด้วย
 
ขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ก็มีความคาดหวังค่อนข้างสูงมาก เพราะเมืองไทยมีความโดดเด่นในด้านบริการที่เป็นมิตร รูปแบบที่ออกมาจึงเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลจากการวิเคราะห์วิจัยและสิ่งที่เราอยากให้เป็น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดอย่างแท้จริง
 
หรือกรณีของ “เบียร์ รีพับลิก กรุงเทพฯ” นั้น ก็ประเมินจากเทรนด์ของลูกค้า ซึ่งพบว่ากระแสการดื่มเบียร์มาค่อนข้างแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ร้านนี้กลายเป็นสถานีแฮงเอาต์หลักหลังเลิกงานกลุ่มคนทำงานได้ในเวลาอันรวดเร็ว
 
“ทุกจุดจะอยู่ภายใต้โจทย์ที่ว่าลูกค้าต้องการอะไร เราก็ทำให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ด้วยเหตุนี้ทำให้เราใช้เวลาเตรียมตัวที่จะรีโนเวตอยู่ร่วม 1 ปี จากนั้นทำการรีโนเวตอีกประมาณ 1 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์”
 
“กีรติ” ยอมรับว่า การแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในทำเลใจกลางเมืองนั้นค่อนข้างสูง แต่สำหรับ “ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ” นั้น เขายังเชื่อมั่นว่า นอกจากจะเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐานทั้งในส่วนของตัวโรงแรมและบริการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวแล้ว โลเกชั่นถือเป็นอีกจุดขายสำคัญของโรงแรมแห่งนี้ เพราะตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อธุรกิจ หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว
 
ที่สำคัญ นอกจากโลเกชั่นที่ตอบโจทย์แล้ว ในเรื่องราคาห้องพักก็ถือว่าสมเหตุสมผล (reasonable price) ไม่สูงจนเรียกว่าแพง หรือเรียกว่า great value for money นั่นเอง