
คอลัมน์ : สัมภาษณ์
งาน South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2025 เป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยมีกิจกรรมหลักคือการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว (B2B)
โดยงาน SATTE 2025 นับเป็นการจัดงานครั้งที่ 32 ซึ่งกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568 (รวม 3 วัน) ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ณ Yashobhoomi กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยในปีนี้มีคูหาจัดแสดงกว่า 1,200 คูหาจากทั่วโลก จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 32 และนับเป็นครั้งที่ 16 ที่ ททท.ได้เข้าร่วมงาน
ตลาดอินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายหลัก โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 2,129,149 คน อยู่ใน Top 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด
ประชาชาติธุรกิจร่วมสัมภาษณ์นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงแนวทางการดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดีย วิธีสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวรู้จักเมืองรองของประเทศไทยมากขึ้น
จักรพลเผยว่า อย่างที่เราทราบกันดี นักท่องเที่ยวอินเดียคือท็อป 3 ที่เดินทางมายังประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี 5 อันดับแรก เราทำแรงกิ้งไว้ และก็จะมีแรงกิ้งอีก 5 ลำดับที่ต้องการจะขยายผล ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ หรือเมืองต่าง ๆ ที่เป็นเมืองน่าเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย
อย่างล่าสุดที่ได้ข้อมูลจากที่เขาไปเซอร์เวย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวอินเดียก็ชอบอย่างมาก การสร้างความประทับใจ เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องแสดงให้เขาเห็นว่าประเทศไทยทั้ง 77 จังหวัดมีอะไรดี และเที่ยวได้ทั้งปีจริง ๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขยาย SLOT การบินซึ่งการบินพลเรือนระหว่างของไทยกับของอินเดียก็มีการพูดคุยกันว่าจะเพิ่ม SLOT Direct Flight และ Charter Flight อย่างไร
บวกกับซีซั่นต่าง ๆ ที่เรามี ทั้งปีเราจะผูกกันแบบไหนเพื่อให้มีความลงตัว ดู Concern ในเรื่องของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การท่องเที่ยวแบบ Green Tourism กลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกประมาณ 69 เปอร์เซ็นต์ หรือว่า Repeat Visitor (ผู้มาเยือนซ้ำ) มีอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์
ตรงนี้เราก็ต้องบาลานซ์กันให้ดีว่า การอยากให้เขาเกิดการ Repeat Tourism (การท่องเที่ยวซ้ำ) อันนี้ก็สำคัญ ส่วน First Visit (นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาครั้งแรก) ก็สำคัญเช่นกัน เพราะฉะนั้นการสร้างความเข้าใจ และสร้างมิตรภาพแบบนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ภาพมันเกิดขึ้น
กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เที่ยวเมืองรองมากขึ้น
จักรพลกล่าวว่า เมืองที่นักท่องเที่ยวยังไม่ไป และมีความเข้าใจว่ายังไม่ได้เห็นเสน่ห์ตรงนั้น เพราะฉะนั้นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง ททท.ที่จะทำภาพนั้นให้เห็นมากขึ้น เรื่องของการที่จะจัดนิทรรศการร่วมกัน เราก็มีการผลักดัน ที่ผ่านมาในเรื่องของการทำลิตเติลอินเดียในกรุงเทพฯ แถวโซนพาหุรัดและก็อีเวนต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวของกับไทยและอินเดีย เราส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง มีนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นอีก
สร้างความเชื่อมั่น ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
จักรพลกล่าวว่า ปัจจัยภายในเราสามารถควบคุมได้ ปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคระบาด หรือเรื่องของใด ๆ ก็มีการเตรียมการ สิ่งหนึ่งที่เราประสาน และเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจทั่วประเทศไทยเราดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว
สิ่งนี้จะต้องสื่อให้นักท่องเที่ยวอินเดียหรือประเทศใดก็ตามในโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยต้องมีความตระหนักในเรื่องของการที่ว่า หากเราจะต้องการเป็น World Class Destination (จุดหมายปลายทางระดับโลก) สิ่งไหนที่เราจะทำให้บ้านเรามันน่าอยู่ที่สุด สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องของ สาธารณูปโภค เรื่องของความปลอดภัย เรื่องของสุขภาพอนามัย สิ่งเหล่านี้ หรือสิ่งแวดล้อม เราก็ต้องจัดการของเราให้ครบมิติ
แนวทางเพิ่มนักท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ
นายจักรพลเผยแนวทางเพิ่มนักท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพว่า เพิ่มแล้วก็คือมีคุณภาพแล้ว ขึ้นอยู่ว่าเราจะมีแนวทางยังไงบ้าง เรามองไม่ว่าการจะทำมาร์เก็ตติ้งเนี่ย คือตอนนี้เรามีไม่ว่า 70 เปอร์เซ็นต์ที่เป็น First Visit กับ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่เป็น Repeat Visitor ตรงนี้แปลว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดการ Repeat นั่นแปลว่านักท่องเที่ยวประทับใจตั้งแต่คราวแรกที่เหยียบจนถึงขึ้นเครื่องกลับ
ตรงนี้เราก็ให้ความสำคัญ แต่เราต้องขยายว่า First Visit เราจะขยายตัวเลขอย่างไร เพราะฉะนั้น แคมเปญของทาง ททท. ที่ทำกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Marriage (การแต่งงาน) เพราะฉะนั้น 4 กลุ่มในประเด็นของการแต่งงาน 1.เขามาตั้งแต่มาดูสถานที่ อันนี้กลุ่มหนึ่งแล้ว 2.คือมาจัดงานที่ประเทศไทย
3.ก็คือมา Celebrate 4.ก็คือเขาก็วนเวียนใหม่มาฮันนีมูน เพราะฉะนั้น 4 ระยะเราสามารถสร้างแคมเปญและสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างยิ่ง สำหรับ ททท. สาขาที่นี่ก็มีโปรโมชั่นที่ทำกับกลุ่ม Incentive (การท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ) หรือว่ากลุ่มกรุ๊ปปิ้งใหญ่
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเกิน 100 ท่านต่อไปอย่างไรโดยมี Incentive ให้กับบริษัททัวร์ที่ทำเป็น Incentive ให้ อันนี้ก็จะกระตุ้นที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจและตัดสินใจมาที่เรา เพราะฉะนั้นแคมเปญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงวัยก็ตาม หรือว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวหญิงตรงนี้เราก็พยายามที่จะ Draw แล้วก็วาดภาพที่กลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียต้องการได้รับ
กลุ่มที่ได้รับแยกหมวดไปอีกถ้ากลุ่ม First Visitor ยังไม่เคยไป เราก็จะมี Five Must ที่เป็นแคมเปญหลักของเรา แล้วก็บอกถึงความเป็นเสน่ห์ไทย Five Must เนี่ยดูว่าเป็นคำที่สำหรับผม ผมมองว่ามัน Cover ทุกมิติคือมันครบถ้วน แล้วเรายังมีตัวหลักก็คือเมืองรอง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราขยายที่ 22, 55, 77 จังหวัด ฉายภาพนี้ให้มันชัดกับนักท่องเที่ยว ตรงนี้เป็นแคมเปญที่มัดในตัวอยู่แล้วว่าประเทศไทยมีดีอยู่จริง
ในเรื่องของ Innovation Hub ก็ดี หรือเรื่อง Logistic หรือ Connectivity ตรงเนี้ยก็สำคัญภายในกรอบ ไม่ว่าเราทำงานร่วมกันหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าที่เราจะมีหมุดหมายในการทำ Six Country Destination ตรงนั้นก็จะเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้รู้ว่า ประเทศไทยเนี่ย พร้อมจากทั้งภายใน และจะขยายมือผายมือออกไปข้างนอกกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำให้การท่องเที่ยวของไทยเนี่ยเป็นจุดแข็งของเราจริง ๆ