
คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2568 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 37.5 ล้านคน สร้างรายได้ถึง 1.78 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19
และเห็นถึงบทบาทสำคัญของการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรมไทยที่ปัจจุบันมีโรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยวรวมจำนวนกว่า 80,000 แห่ง
จากข้อมูลของธนาคารกสิกรไทยระบุว่า ในปี 2567 การใช้จ่ายค่าที่พักจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 950,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนหลักของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
ขณะที่โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กยังคงประสบปัญหาด้านการแข่งขัน และการเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการโรงแรม
อย่างไรก็ตาม โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กก็ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมโรงแรมไทย ในการผลักดันให้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุน
โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม KONCIERGE+ (คอนเซียจพลัส) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทยช่วยเสริมศักยภาพการบริหารจัดการโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หนึ่งในปัญหาที่โรงแรมไทยยังคงเผชิญอยู่คือ การพึ่งพาการจองที่พักผ่าน OTA (Online Travel Agency) ซึ่งเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานและขาดความยืดหยุ่นในการตั้งราคา

รวมทั้งยังมีปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในภาคธุรกิจโรงแรม หลังจากมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงแรมต้องปรับตัวและรับมือกับการขาดแคลนพนักงาน
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวสมาคมโรงแรมไทยได้ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการโรงแรม โดยเฉพาะการเปิดตัวแพลตฟอร์ม KONCIERGE+ ซึ่งรวมโซลูชั่นต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจโรงแรมบริหารจัดการห้องพัก การตั้งราคาห้องพักที่เหมาะสม การดูแลประสบการณ์ลูกค้า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ
“เทียนประสิทธิ์” บอกว่า แม้โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กจะมีความท้าทายสูง แต่ยังคงมีโอกาสที่ดีในการเติบโต หากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมได้ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบการตั้งราคาอัตโนมัติ ระบบการจัดการการขายห้องพัก และการดูแลประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศด้วย
“การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการโรงแรม ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของนักท่องเที่ยว และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่กำลังเติบโต”
พร้อมย้ำว่าสมาคมโรงแรมไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีในธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะการนำมาใช้ในการบริหารจัดการและการตลาดในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้น โดยเปลี่ยนจากระบบการจองห้องพักแบบแมนวลที่ใช้วิธีการ โทร.จอง หรือขายผ่านเอเย่นต์มาเป็นระบบออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กในพื้นที่ชนบทซึ่งเข้าถึงตลาดยาก การใช้เทคโนโลยีในการตั้งราคาห้องพักแบบ Dynamic Pricing และการบริหารจัดการรายได้ (Revenue Management) จะช่วยให้โรงแรมสามารถปรับเปลี่ยนราคาตามช่วงเวลาและสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ช่วยให้โรงแรมสามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
“การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน เช่น ระบบการจัดการห้องพักและการติดต่อกับลูกค้าผ่าน AI และระบบคลาวด์ สามารถช่วยลดการพึ่งพาพนักงาน และช่วยให้การดำเนินงานราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยสามารถเติบโต และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น