
รัฐบาลจัดใหญ่เทศกาล “สงกรานต์” ทั่วประเทศ หวังดันติดท็อป 10 เทศกาลระดับโลก ตอกย้ำ “World Event Hub” ของไทย ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยว 3-4 ล้านคน คาดเงินสะพัดทั่วหล้า 2.5 หมื่นล้านบาท พร้อมยกระดับท่องเที่ยวเป็นเรือธงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 6 สายการบินเพิ่มไฟลต์ในประเทศ 7 วัน 2.5 หมื่นที่นั่ง พร้อมตั๋วลดราคา 30% หนุน “พัทยา-หาดใหญ่” คึกคัก บุ๊กกิ้งตั๋วล่วงหน้าพุ่ง คาดโลเกชั่นหลักทะลุ 100% ขณะที่ “เชียงใหม่” ยังเงียบยอดจองที่พักยังมาแค่ 30%
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าให้เทศกาลสงกรานต์ของไทยติดอันดับท็อป 10 ของเทศกาลระดับโลก พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น “World Event Hub” ของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับอนุมัติงบประมาณ 153 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2025 ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2568
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นเรือธงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีช่วงโลว์ซีซั่น
“ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 36 ล้านคนในปีที่ผ่านมา เป็น 39 ล้านคน หรือหากสามารถดันต่อได้ก็อยากให้ทะลุ 40 ล้านคนในปีนี้” นายสรวงศ์กล่าวและว่า สำหรับแผนการจัดงานมหาสงกรานต์ทั้งในจังหวัดเมืองหลักและจังหวัดเมืองรองทั่วประเทศนั้นได้ดำเนินการโดยกระทรวงวัฒนธรรม
จัดใหญ่ 17 จังหวัดทั่วประเทศ
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับ 28 หน่วยงานจัดงาน “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์” ในพื้นที่ 17 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย 5 เมืองอัตลักษณ์ 12 เมืองน่าเที่ยว และ 4 จุดหมายหลักในกรุงเทพฯ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หลังจากที่ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จะเน้นการจัดงานตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วยบรรยากาศแบบดั้งเดิมที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน ทั้งมิติวัฒนธรรม มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ตั้งเป้าดึงต่างชาติ 3-4 ล้านคน
ด้านนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยสนับสนุนการจัดงานต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เพื่อกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย ทั้งในเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และหาดใหญ่ รวมถึงเมืองรอง หรือ Hidden Gems เพื่อกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้มากถึง 3-4 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเอเชียและแปซิฟิกใต้ เนื่องจากสงกรานต์เป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในภูมิภาคดังกล่าวนี้
คาดเงินสะพัด 2.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับตลาดคนไทยหรือไทยเที่ยวไทยนั้น คาดว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่จัดงานสงกรานต์หรือมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เชียงใหม่ พัทยา หรือภูเก็ต และเชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์สูงถึงประมาณ 20,000-25,000 ล้านบาท จากการใช้จ่ายในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม การใช้บริการห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานที่บันเทิง และบริการขนส่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“ล่าสุด ททท.ได้จัดโครงการ Grand Songkran Grand Privileges เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทยมีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยร่วมกับพันธมิตรผู้ประกอบการแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 40 ราย เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสนุก ฯลฯ ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 80% รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายตลอดเดือนเมษายนนี้ด้วย” นางสาวภัทรอนงค์กล่าว
เพิ่มไฟลต์-ลดค่าตั๋ว 30%
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กระทรวงคมนาคมได้ร่วมมือกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และ 6 สายการบินหลัก
ได้แก่ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท เพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศ 124 เที่ยว และเพิ่มที่นั่ง 25,000 ที่นั่ง พร้อมลดราคาตั๋ว 30% จากเพดานราคาสูงสุด
โดยเส้นทางที่ได้รับการเพิ่มเที่ยวบิน ได้แก่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, กรุงเทพฯ-กระบี่, กรุงเทพฯ-สมุย, กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ และเส้นทางอื่น ๆ ซึ่งจำหน่ายตั๋วถึงวันที่ 20 มีนาคม 2568 ผ่าน 3 ช่องทางของสายการบินโดยตรง ได้แก่ เว็บไซต์, คอลเซ็นเตอร์ และเคาน์เตอร์ขายตั๋ว โดยตั๋วที่จองในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นตั๋วที่เดินทางในช่วงวันที่ 11-17 เมษายน 2568
พัทยาคาดยอดจองทะลุ 100%
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ยอดจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 อยู่ที่ประมาณ 60-70% โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่อยู่บริเวณชายหาดพัทยา ซึ่งโรงแรมเหล่านี้จะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่ คาดว่าช่วงใกล้วันงานที่พักเกือบทุกแห่งจะมียอดจองเต็ม 100%
โดยฐานลูกค้าหลักของงานสงกรานต์พัทยายังเป็นคนไทยมากกว่า 50% กลุ่มตลาดยุโรปค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่กลุ่มตลาดเอเชียนั้น ตลาดหลักคือ นักท่องเที่ยวจีน ที่นิยมมาเป็นกลุ่ม FIT 70% และมาเป็นกลุ่มทัวร์หรือกรุ๊ป ประมาณ 20-30%
“ปกติพฤติกรรมนักท่องเที่ยวคนไทยจะนิยมจองใกล้ ๆ วันงาน มีอัตราการเข้าพักเพียง 1-2 คืนเท่านั้น และนิยมจองช่วงวันที่ 13-14 เมษายน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งตอนนี้ยอดบุ๊กกิ้งล่วงหน้าค่อนข้างน้อย ขณะที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมนิยมจองช่วง 18-20 เมษายนของทุกปี เพราะไฮไลต์ของสงกรานต์พัทยา คือวันที่ 18 เมษายน ที่จัดประเพณีวันไหลนาเกลือ และวันที่ 19 เมษายน ประเพณีวันไหลพัทยา” นายธเนศกล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้ยังคาดการณ์ตัวเลขรายได้ทางเศรษฐกิจค่อนข้างยาก เพราะฐานลูกค้าหลักยังเป็นคนไทย เพราะเศรษฐกิจปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายคาดหวังรัฐจะออกมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะเข้ามากระตุ้นกลุ่มตลาดไทยให้กลับมาคึกคัก ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าจะออกมาทันสงกรานต์นี้หรือไม่
“มาเลย์” แห่เที่ยวหาดใหญ่
เช่นเดียวกับ นายวิทยา แซ่ลิ่ม มัคคุเทศก์อาชีพ อดีตผู้ก่อตั้งสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดสงขลา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเล่นน้ำใน อ.หาดใหญ่ (สงขลา) จำนวนมาก โดยจากการสอบถามกลุ่มผู้ประกอบการทัวร์พบว่าตอนนี้ห้องพักในย่านดาวน์ทาวน์มีการจองเต็มแล้ว โดยเฉพาะคนมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียที่นิยมมาก
โดยแต่ละปีจะเดินทางเข้ามาเล่นน้ำ ทำบุญ ไม่ต่ำกว่า 30,000-50,000 คน ซึ่งจะเริ่มทยอยเข้ามาระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2568 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 3 วัน คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,000 บาทต่อคน หรือมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท
นายวิทยากล่าวด้วยว่า เมื่อโรงแรมยอดนิยมในเขตกลางเมืองหาดใหญ่ถูกจองเต็มหมดแล้ว จะมีการกระจายการจองห้องพักไปยังเขตเมืองสงขลา เขตเมืองด่านนอก อ.สะเดา เขตการค้าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวรายใหญ่ชายแดนไทย มาเลเซีย อ.สะเดา และรอยต่อรัฐเกดะห์ มาเลเซีย หากทั้ง 3 พื้นที่ในจังหวัดสงขลาเต็ม ก็จะมีการกระจายไปยังจังหวัดข้างเคียง เช่น จ.พัทลุง ซึ่งทางโรงแรม กลุ่มทัวร์ ทั้งในประเทศและจากมาเลเซียจะประสานความร่วมมือกัน
“เชียงใหม่” เงียบบุ๊กกิ้ง 30%
ขณะที่นายไพศาล สุขเจริญ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวโน้มการจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า หลาย ๆ โรงแรมเริ่มมีการทยอยจองเข้ามาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโรงแรมในเขตคูเมืองเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดไฮไลต์ของสงกรานต์ ขณะนี้อยู่ที่ราว 60% ส่วนใหญ่เป็นการจองจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ ตลาดยุโรปและเอเชีย อาทิ เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
โดยพบว่าตลาดมาเลเซียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จากเดิมส่วนใหญ่เที่ยวสงกรานต์ที่หาดใหญ่ แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกระจายมาเชียงใหม่มากขึ้น ขณะที่โรงแรมที่ตั้งอยู่โซนถนนนิมมาน ซึ่งเป็นโซนที่นักท่องเที่ยวคนไทยนิยมพักมากที่สุด ขณะนี้ยอดจองช่วงสงกรานต์ยังค่อนข้างน้อย โดยมีอัตราเฉลี่ยที่ประมาณ 30% เท่านั้น
“พฤติกรรมนักท่องเที่ยวคนไทยจะตัดสินใจจองก่อนวันเดินทางล่วงหน้า 1 สัปดาห์ จึงยังคาดเดาไม่ได้ว่านักท่องเที่ยวคนไทยจะคึกคักหรือไม่ ต้องรอดูระยะใกล้ ๆ ก่อนช่วงสงกรานต์อีกครั้ง” นายไพศาลกล่าวและว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ปกติจะมีเงินสะพัดราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้รายได้ก็จะอยู่ที่ระดับนี้เช่นกัน
สอดคล้องกับ นางสาววารุณี คำเมรุ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดวงตะวัน เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ย่านไนท์บาซาร์ ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยอดการจองห้องพักภาพรวมทั้งจังหวัดช่วงสงกรานต์ปีนี้ยังไม่ดีเท่าไหร่ ค่อนข้างน้อยมาก โดยเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ 4-5 ดาวที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ มียอดจองอยู่ที่ราว 30% เท่านั้น
โดยมองว่าปัจจัยที่ทำให้การจองล่วงหน้ายังมีปริมาณน้อยนั้น อาจเนื่องมาจากความไม่มั่นใจสถานการณ์ PM 2.5 และการประกาศวันหยุดของทางราชการที่ยังไม่ออกมาชัดเจนว่าหยุดวันไหน และหยุดยาวกี่วัน รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีกำหนดการจัดกิจกรรมสงกรานต์ออกมาอย่างชัดเจน ว่าจะจัดรูปแบบใดและจัดช่วงวันไหน
“ปีนี้เชียงใหม่วางแผนจัดงานสงกรานต์ค่อนข้างช้ามาก ขณะที่หลาย ๆ จังหวัดประกาศไปแล้ว ทำให้คู่แข่งทางการท่องเที่ยวมากขึ้น” นางสาววารุณีกล่าว