ดิ แอสคอทท์ ชูโมเดลไฮบริด ตอบโจทย์ ‘นักลงทุน-นักท่องเที่ยว’

The Ascott
คณิต แสงมุกดา
สัมภาษณ์พิเศษ

กว่า 40 ปีที่ “ดิ แอสคอทท์” หรือ The Ascott ภายใต้กลุ่มของ CapitaLand Investment Limited บุกเบิกตลาดเซอร์วิสเรซิเดนซ์ระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการเปิดตัว The Ascott Singapore ในปี 2527 หลังจากนั้นได้เติบโตขึ้น พร้อมทั้งขยายไลน์สู่ธุรกิจโรงแรม

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “คณิต แสงมุกดา” ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว “ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ประเทศไทย” ถึงการดำเนินธุรกิจ การขยายการเติบโต รวมถึงมุมมองต่อภาคธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจปีนี้เป็นปีที่ 21

มีพอร์ตกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

“คณิต” บอกว่า ปัจจุบันมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ภายใต้การบริหารมากกว่า 980 แห่งทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ Ascott, Citadines, lyf, Oakwood, Somerset, The Crest Collection, The Unlimited Collection, Fox, Harris, POP!, Preference, Quest, Vertu และ Yello ครอบคลุมมากกว่า 220 เมืองในกว่า 40 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก เอเชียกลาง ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา

โดยแต่ละแบรนด์จะมีแบรนด์คอนเซ็ปต์และเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น แบรนด์ Somerset จะเน้นในเรื่องของประสบการณ์ร่วมกันระหว่างครอบครัว รวมถึงความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ส่วนแบรนด์ “แอสคอทท์” จะเน้นในด้านดีไซน์ ศิลปะ วัฒนธรรม แบรนด์ “โอ๊ควูด” จะเน้นบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน หรือแบรนด์ LYF ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่นั้นเป็นการพัฒนาคอนเซ็ปต์มาจากโคลิฟวิ่ง ตอบโจทย์คนเจนใหม่ ๆ ที่เขาชอบโซเชียลไลฟ์ เป็นต้น

สำหรับตลาดประเทศไทย และ สปป.ลาว ที่ตนดูแลอยู่นั้นมีพอร์ตโฟลิโอของ “ดิ แอสคอทท์” ทั้งหมด 28 แห่ง รวม 5,587 ห้อง ภายใต้แบรนด์ Ascott, Somerset, Citadines, Oakwood, LYF, Preference และที่กำลังจะเปิดใน
ปีนี้คือ The Crest Collection

โดยทุกแบรนด์ได้รับการตอบรับที่ดีและเติบโตต่อเนื่อง ความสำเร็จในประเทศไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถในการส่งมอบคุณภาพที่สม่ำเสมอของกลุ่ม “ดิ แอสคอทท์” อย่างดี

ADVERTISMENT

Somerset ส. 71 น้องใหม่ล่าสุด

สำหรับโครงการล่าสุดของกลุ่มคือ Somerset Sukhumvit 71 เป็นโครงการที่มีอยู่แล้ว และได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของให้มาบริหารต่ออย่างเป็นทางการตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2567 โครงการนี้มี 141 ห้อง ขนาดห้องเริ่มตั้งแต่ 33-75 ตารางเมตร มีห้องพักที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ Deluxe Room ไปจนถึง 2-Bedroom Apartments กว้างขวาง และสะดวกสบาย พร้อมห้องครัว (เฉพาะ Studio Rooms, 1-Bedroom and 2-Bedroom Apartments)

ADVERTISMENT

สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางคนเดียว คู่รัก กลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว ทั้งการเข้าพักระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ก็มีครบครัน และมีโลเกชั่นที่ดี เข้า-ออกได้ทั้งทางถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และสามารถเชื่อมต่อไปยังเอกมัย ทองหล่อ ที่มีแหล่งบันเทิงมากมาก ที่สำคัญใกล้ Airport Link และทางด่วน ที่ช่วยให้การเดินทางไปยังส่วนต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ หรือเมืองอื่น ๆ เช่น พัทยา หรือศรีราชา สะดวกขึ้น

ชูโรงแรม+เซอร์วิสเรซิเดนต์

“คณิต” บอกว่า ความสำเร็จ หรือคีย์ซักเซสของ The Ascott Limited คือการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของนักเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับการรักษาค่านิยมหลักของตัวเองไว้ นั่นคือ คุณภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืน

โดยกลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.ความหลากหลาย มีที่พักให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ห้องพักแบบโรงแรมไปจนถึงเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่มีห้องครัว และสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์นักเดินทางทุกสไตล์

2.ความยั่งยืน โดยมุ่งใส่ใจสิ่งแวดล้อมและผสานแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินงาน เพื่อตอบรับกระแสการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบที่กำลังมาแรง และ 3.เทคโนโลยีและการบริการเฉพาะบุคคล โดยใช้เทคโนโลยียกระดับประสบการณ์ของแขกให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งมอบบริการที่ใส่ใจและตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น เช็กอินผ่านมือถือ คีย์การ์ดดิจิทัล ชำระเงินแบบไร้สัมผัส แชตบอต โปรแกรม ASR และการวิเคราะห์ความชื่นชอบของแขก แอป Ascott Star Rewards ฯลฯ

กระแส “บีเลเชอร์” หนุนโต

พร้อมย้อนความว่า พื้นฐานธุรกิจของ “ดิ แอสคอทท์” มาจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ รองรับคนที่พักระยะยาว แต่พอหลัง ๆ ความต้องการด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป คนที่เคยพักระยะสั้นก็พักยาวขึ้น คนที่เคยพักยาวบางส่วนของพักสั้นลง

ทำให้โมเดลการทำธุรกิจที่มีทั้งโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือมีโปรดักต์เป็น “ไฮบริด” คือในตึกหนึ่งมีทั้งห้องที่เป็นโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อยู่ในอาคารเดียวกัน มีความได้เปรียบเพราะตอบโจทย์นักเดินทางปัจจุบันได้มากกว่า

ประกอบกับวันนี้ แนวโน้มการเดินทางแบบ “เบลเชอร์” หรีอ “บีเลเชอร์” (Bleisure) ที่รวมการทำงานและการพักผ่อนเข้าด้วยกันกำลังเป็นที่นิยม ยิ่งทำให้รูปแบบไฮบริดตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น

“หลังโควิดก็พิสูจน์แล้วว่าคนทำงานที่ไหนก็ได้ตราบใดที่มีอินเทอร์เน็ต การเดินทางจึงเป็นเพื่อทำงานด้วยและเที่ยวด้วย พักนานขึ้นและต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก โปรดักต์เราจึงตอบโจทย์”

ประเด็นดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นทั้ง “จุดขาย” และ “จุดแข็ง” ที่ทำให้แบรนด์ภายใต้กลุ่มของ “ดิ แอสคอทท์” มีความแตกต่างจากธุรกิจโรงแรมทั่วไป ซึ่งบริษัทได้พยายามที่จะใช้ “จุดขาย” ตรงนี้ไปขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจเช่นกัน

ขยับสู่เมืองท่องเที่ยว-เมืองรอง

เมื่อถามถึงแผนการขยายพอร์ตโฟลิโอเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า “คณิต” บอกว่า มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปในทำเลที่มีศักยภาพสูง จากปัจจุบันที่อยู่ในกรุงเทพฯ 23 แห่ง ศรีราชา พัทยา (ชลบุรี) 4 แห่ง และเวียงจันทน์ สปป.ลาว 1 แห่ง

เป้าหมายคือ ขยายธุรกิจไปในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด เช่น หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ รวมถึงพื้นที่เมืองรอง และเมืองธุรกิจอื่น ๆ ที่มีโอกาส เพื่อเปิดโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ใหม่ ๆ แต่หากไปหัวเมืองใหญ่ก่อนก็จะช่วยสร้างแบรนด์และทำให้มีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับพาร์ตเนอร์ด้วยเช่นกัน

ตั้งเป้าเพิ่มพันห้อง/ปี

พร้อมบอกด้วยว่า มีแผนที่จะผลักดันการเติบโตของดิ แอสคอทท์ ประเทศไทย ผ่านการผสมผสานระหว่างการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ นวัตกรรม และความยั่งยืน โดยเชื่อว่าการผสมผสานระหว่างการขยายธุรกิจ นวัตกรรม ความยั่งยืน และการพัฒนาบุคลากร จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของดิ แอสคอทท์ ประเทศไทย ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

“การขยายสู่เมืองรองมันเป็นเป้าหมายของเรามาตลอด เพียงแต่ว่าเรายังหาพาร์ตเนอร์ที่ลงตัวกันไม่ได้ แต่เราก็มีคุยกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเซ็นสัญญาบริหารให้ได้มากกว่า 1,000 ห้อง/ ปี”

โรงแรมแข่งขันสูงขึ้นทุกปี

ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว ของดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ประเทศไทย ยังบอกอีกว่า ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการระบาด COVID แต่ส่วนตัวมองว่านี่เป็นโอกาส ไม่ใช่อุปสรรค เพราะการแข่งขันกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์และพัฒนาบริการให้ตอบสนองและเกินความคาดหวังของแขก

พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ทำให้ “ดิ แอสคอทท์” โดดเด่น คือการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ความมุ่งมั่นในความยั่งยืน และชื่อเสียงที่เชื่อถือได้ของ Ascott Group จึงมั่นใจในการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด