หวั่นจีนเที่ยวไทยร่วงยาว แนะอัดอินเซนทีฟดึง ‘แอร์ไลน์-กรุ๊ปทัวร์’

Chinese tourists

มาตรการยกเว้นวีซ่าให้สาธารณรัฐประชาชนจีนอาจไม่ใช่ปัจจัยกระตุ้นที่ได้ผลสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยอีกต่อไปแล้ว

โดยหลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับชาวจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวนั้นเห็นผลชัดเจนในปี 2566 แต่พอเข้าปี 2567กระแสการเดินทางเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีนก็เริ่มไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เสียแล้ว

ข่าวความไม่ปลอดภัยยังกระทบ

ก่อนหน้านี้ “สรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนโดยรวมยังพลาดเป้า ซึ่งสาเหตุหลักมาจากประเด็นที่รัฐบาลจีนส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และรณรงค์ไม่ให้ประชาชานออกไปเที่ยวต่างประเทศ

แต่ที่หนักกว่านั้นคือ ปัญหาข่าวอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และความไม่ปลอดภัยต่าง ๆ ทำให้ชาวจีนชะลอการเดินทางมาประเทศไทย

กระทั่งเกิดประเด็นว่านักท่องเที่ยวจีนแห่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแทนประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้เปิดเผยถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าญี่ปุ่นว่าเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ว่ามีจำนวนรวม 980,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน

ขณะที่ประเทศไทยนั้นมีีรายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่าในเดือนเดียวกันนี้มีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจำนวน 662,779 คน

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังคงเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปีนี้อยู่ที่ 8.8-9 ล้านคน ตามเป้าหมายเดิม

ปียากลำบากของ นทท.จีน

“ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) บอกว่า ปี 2568 นี้ยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งก่อนหน้านี้มีความหวังว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยได้ถึง 10 ล้านคน แต่สถานการณ์ในขณะนี้ชี้ให้เห็นว่ามีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้เป้าหมายดังกล่าวยากมากขึ้น

ADVERTISMENT

โดยตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างเห็นได้ชัดของนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนเพียง 371,452 คน ลดลงถึง 44.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยสะสมอยู่ที่เพียง 1.18 ล้านคน

หรือหดตัวลงถึง 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

“สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่รัฐบาลต้องเผชิญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นตลาดหลักในการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย”

หมดยุคจีนเที่ยวไทย 10 ล้านคน

“ศิษฎิวัชร” บอกว่า การฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีนควรเป็นภารกิจสำคัญในช่วงเวลานี้ และหากไม่มีการลงทุนในการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจัง อนาคตของการท่องเที่ยวไทยอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น

“สถานการณ์ในเวลานี้ดูเหมือนว่าประเทศไทยน่าจะหมดยุคที่นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามามากถึง 10 ล้านคนต่อปีเสียแล้ว หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ การจะดึงนักท่องเที่ยวจีนมาได้ 8 ล้านคนก็ยังยาก แต่หากสามารถรักษาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพไว้ และให้การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจจะสามารถรักษาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้เท่าเดิมในปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 6.7 ล้านคน”

ความเชื่อมั่นไทยลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มองว่าความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในประเทศไทยคือสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวจีนไม่เลือกเดินทางมาไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่มีความระมัดระวังและเลือกที่จะหลีกเลี่ยงประเทศที่ดูเหมือนจะขาดความมั่นคงในด้านความปลอดภัย

และรัฐบาลจีนเองก็ยังไม่เห็นความจริงจังในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนต่อประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง

“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงของนักร้องชื่อดังจากจีน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน แต่กิจกรรมเหล่านั้นกลับไม่ได้ส่งผลที่ดีเท่าที่คาดหวัง เนื่องจากปัญหาความไม่ปลอดภัยที่นักท่องเที่ยวจีนกังวลยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการดึงดูดการเดินทาง”

นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศจีนเองก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจจะเดินทางไปต่างประเทศของชาวจีน และการที่รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การเดินทางไปยังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีนลดลง

รวมถึงประเทศคู่แข่งของไทยในด้านการท่องเที่ยว เช่น ญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น

Chinese tourists

วอนรัฐแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

“ศิษฎิวัชร” ยังให้ข้อมูลอีกว่า ในช่วงก่อนโควิด-19 ประเทศไทยเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด โดยในปี 2562 ประเทศไทยได้รับนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 10.5 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงมาก

“การฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ก็ยังไม่หมดหวัง หากรัฐบาลและภาคเอกชนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ดีขึ้น”

โดยในส่วนของสมาคมแอตต้าได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน และควรลงทุนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยว

เชื่อไทยยังมีศักยภาพสูง

ทั้งนี้ เชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนได้ในอนาคต หากสามารถปรับตัวและให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนได้อย่างตรงจุด

พร้อมย้ำว่า การผลักดันการท่องเที่ยวจีนในอนาคตจะต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ภาครัฐและหน่วยงานท่องเที่ยวที่ต้องมีการโปรโมตประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักและน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวจีน แต่ยังต้องคำนึงถึงการพัฒนาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง รวมถึงการจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน

อัดมาตรการดึงแอร์ไลน์-กรุ๊ปทัวร์

ขณะที่แหล่งข่าวในธุรกิจนำเที่ยวรายหนึ่งบอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเด็นหลักที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือ บริษัทนำเที่ยวจีนหันไปทำตลาดญี่ปุ่นแทนประเทศไทย เพื่อหนีปัญหาความไม่ปลอดภัยในประเทศไทย ซึ่งทำให้สายการบินต่าง ๆ หันไปทำตลาดญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

“บริษัทนำเที่ยวคือหัวใจสำคัญในการทำตลาดแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว เมื่อบริษัทนำเที่ยวมีความเชื่อมั่นในตลาดญี่ปุ่นก็หันไปเหมาลำไปญี่ปุ่นแทนประเทศไทย ยิ่งพอทำแล้วได้รับการตอบรับ ไม่มีใครอยากกลับมาทำตลาดประเทศไทย”

พร้อมย้ำว่า หากรัฐบาลไทยต้องการให้ “จำนวน” นักท่องเที่ยวจีนฟื้นกลับมา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหามาตรการจูงใจ หรือให้ Incentive กับ “สายการบิน” และ “บริษัทนำเที่ยว” เพื่อให้กลับมาทำตลาดรูปแบบ “กรุ๊ปทัวร์” อย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้นานเกินไป โอกาสที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะหายแล้วหายเลยมีสูงมาก