
“การบินไทย” โชว์ฟอร์ม Q1/68 กวาดรายได้ 5.1 หมื่นล้าน กำไรพุ่งแตะ 9.8 พันล้าน พร้อมกางแผนยกระดับฝูงบิน ด้วยการเตรียมรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ “Airbus A321 Neo” ที่มาพร้อมระบบ WiFi บนเครื่อง เสริมทัพ 2 ลำ และ “Airbus A330-Boeing 789” อย่างละ 1 ลำ พร้อมลุ้น 4 มิ.ย. 68 หากศาลอนุมัติคำร้องยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการ-เตรียมกลับสู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้งในไตรมาส 3
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) อยู่ที่ 51,625 ล้านบาท เติบโต 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 45,955 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 306.1%
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทได้มีการขยายฝูงบิน และเพิ่มความถี่เที่ยวบิน จึงส่งผลให้ปริมาณการผลิต (Available Seat Kilometers-ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.1% โดยมีปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger Kilometers-RPK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20.8% จากจำนวนผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.6%
เร่งยกระดับฝูงบิน-ติดตั้ง WiFi บนเครื่อง
นายปิยสวัสดิ์กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ในปี 2568 บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินในฝูงบินให้ครบ 81 ลำ จากปัจจุบันมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินรวม 77 ลำ โดยเบื้องต้นจะมีการทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่น Airbus A330 จำนวน 1 ลำ, Boeing 789 จำนวน 1 ลำ และเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321 Neo จำนวน 2 ลำ และในปี 2569 จะมีทยอยเข้ามาอีก 15 ลำ
“ซึ่งในส่วนของเครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับระบบความบันเทิงส่วนตัวในทุกที่นั่ง และบริการ WiFi ฟรี สำหรับสมาชิก Royal Orchid Plus ทุกระดับสถานะ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารให้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามาภายในปลายปี 2568”
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังให้ความสำคัญกับการซ่อมบำรุงเครื่องบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพฝูงบิน ด้วยการทยอยติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง In-flight Connectivity (IFC) บนเครื่องบินแบบแอร์บัส A330-300 และปรับปรุงที่นั่งภายในเครื่องใหม่
ซึ่งเบื้องต้นได้เริ่มให้บริการแล้วบนเครื่องบิน 2 ลำแรก โดยผู้โดยสารสามารถแชตและส่งข้อความได้แบบไม่จำกัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบจะเปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับสมาชิกโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus ตามระดับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ยกเลิกแผนฟื้นฟู-เดินหน้ากลับเข้าตลาด
นายปิยสวัสดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เบื้องต้นได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568
ส่งผลให้บริษัทดำเนินการตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 โดยศาลได้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากศาลมีคำสั่งอนุมัติภายในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายน หน้าที่ของคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯก็จะสิ้นสุดลง
และหลังจากนั้นอำนาจในการบริหารจะถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการชุดใหม่ที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องประชุมเพื่อคัดเลือกประธานกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนเข้าสู่กระบวนการของตลาดหลักทรัพย์ฯและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ต้องดำเนินการกระบวนการ เพื่อให้บริษัทสามารถที่จะเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
“การกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายและความเสี่ยงที่เราจะต้องเผชิญ โดยเฉพาะความผันผวนของตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความคาดหวังของผู้ถือหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เชื่อมั่นว่าด้วยผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น และการบริหารจัดการภายในองค์กรที่แข็งแกร่ง จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้”
ส่วนกรณีบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด หรือสายการบินไทยสมายล์ หลังจากที่คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้มีมติอนุมัติให้จดทะเบียนเลิกกิจการ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้รับโอนเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 เข้าประจำการในฝูงบินของบริษัทครบถ้วนแล้ว และก็ได้ยุติการให้บริการของสายการบินไทยสมายล์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ตลาดออสฯฟื้น-หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง
นายปิยสวัสดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ในไตรมาส 2 ของปี 2568 โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน จะอยู่ในช่วง Low Season แต่จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ เชื่อว่าจะช่วยให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง สะท้อนจากข้อมูลการจองตั๋วล่วงหน้าในช่วงเวลาดังกล่าวยังคงขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน ตลาดออสเตรเลียก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาอย่างชัดเจน และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวยุโรปที่มีความต้องการเดินทางสูง จึงมีแนวโน้มว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี