
ประเด็นความไม่ปลอดภัย การค้ามนุษย์ หรือกระแสที่เกี่ยวกับคำว่า “จีนเทา” ยังคงเป็นเรื่องราวที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และสร้างความหวาดระแวงแก่นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยอย่างหนัก
บวกกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ก็โหมโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงรุกอย่างหนัก ยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนเดสติเนชั่นไปเที่ยวประเทศเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้น
4 เดือน นักท่องเที่ยวจีนติดลบ 30%
“ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-5 พฤษภาคม 2568 ภาพรวมท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้เติบโตติดลบ 8.6% โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกติดลบเฉลี่ย 20%
ขณะที่จีนติดลบสูงสุดถึง 30% รองลงมาคือ ฮ่องกง ติดลบ 18% เกาหลีใต้ ติดลบ 14% เป็นต้น ส่วนภูมิภาคอาเซียน ติดลบ 2.3% และตลาดเอเชียใต้ เช่น อินเดีย และโอเชียเนีย เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 16.2-16.3% และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 12%
“ต้องยอมรับว่าปัญหาใหญ่ของเราตอนนี้อยู่ที่ตลาดจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่ ที่สำคัญตลาดนักท่องเที่ยวขาออกของจีนก็ยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง แต่จำนวนที่มาเที่ยวเมืองไทยลดลง ซึ่งตัวเลขรวม 4 เดือนแรก ตลาดจีนเราก็ยังติดลบหนักที่สุด”
คาดพลิกฟื้นช่วง ก.ค.-ส.ค.
ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดรวมน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 เนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียน หรือช้าสุดคือเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดวันชาติจีน หรือ Golden Week
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ความเป็นจริง ล่าสุด ททท.ได้ปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลงจาก 8 ล้านคน เหลือประมาณ 6.9 ล้านคน หรือใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ผ่านมา แต่หากกรณีเลวร้ายที่สุดคือตลาดเร่งไม่ขึ้น และปัจจัยลบยังรุมเร้าหนัก คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้อาจลดลงเหลือประมาณ 4-5 ล้านคน
อัตราเข้าพัก เม.ย.เฉลี่ย 63%
สอดคล้องกับข้อมูลจากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) ประจำเดือนเมษายน 2568 ของสมาคมโรงแรมไทย (THA) ที่ระบุว่า การท่องเที่ยวของไทยในช่วงเดือนเมษายน 2568 ยังคงคึกคักและได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
แต่โดยรวมยังคงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากกระแสความไม่ปลอดภัยของการเที่ยวไทยยังคงปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดที่มีความอ่อนไหว เช่น จีน ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง
จากกระแสต่าง ๆ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนเมษายน 2568 อยู่ในระดับ 63% ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ระดับ 66% เป็นการลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสัญชาติจีนที่ยังคงกังวลกับความไม่ปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในไทย
“หากโฟกัสรายภูมิภาคพบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออก กล่าวคือ ภาคเหนือมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 38.7% ลดลงจากเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 47.3 ภาคกลางมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 59.9 จากเดิมมีนาคมที่อยู่ในระดับ 29.2 ภาคใต้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 7.08 ลดลงจากเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 78.5 ส่วนภาคตะวันออกมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 69.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 67.4”
คาด Q2 โรงแรมแห่ลดราคาห้องพัก
ผลการสำรวจดังกล่าวยังคาดการณ์ด้วยว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคมนี้จะยังอยู่ในแนวโน้มลดลง หรือมีอัตราเฉลี่ยประมาณ 52% และผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ยังคาดด้วยว่าในช่วงไตรมาส 2/2568 นี้จำนวนลูกค้าต่างชาติจะมีจำนวนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ประกอบการ 1 ใน 4 ยังประเมินว่าลูกค้าจีนจะลดลงกว่า 30%
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมมากกว่า 50% คาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันมีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่บอกว่าจะปรับราคาลงมากกว่า 10% อย่างไรก็ตาม โรงแรม 1 ใน 4 โดยเฉพาะโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป และโรงแรมในพื้นที่ภาคใต้ มองว่ายังสามารถปรับราคาห้องพักเพิ่มขึ้นได้บ้าง แต่ไม่เกิน 5%
เสนอออกมาตรการอุ้มธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจครั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมยังมีข้อเสนออยากให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น เพิ่มการประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวไทย และต่างชาติโดยเฉพาะสัญชาติอื่นนอกจากจีน, พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภาครัฐให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย, เพิ่มการจัดอีเวนต์ การประชุมให้มากขึ้น, พัฒนาและแก้ไขภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย ด้านการเงินและด้านแรงงาน เช่น ลดต้นทุนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพลังงาน และค่าแรง, มาตรการลดหย่อนภาษีนิติบุคคล และภาษีบุคคลธรรมดา, มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับการปรับปรุงโรงแรม, เพิ่มทักษะแรงงาน และเพิ่มความยืดหยุ่นของขั้นตอนในการจ้างงานแรงงานต่างชาติ และมาตรการอื่น ๆ เช่น พัฒนาระบบสาธารณูปโภค ควบคุมที่พักผิดกฎหมาย เป็นต้น
หวังมีตลาดใหม่ทดแทนจีน
สมาคมโรงแรมไทยยังคาดหวังว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้จะมีการเติบโต มีตลาดใหม่มาทดแทนตลาดจีน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยศักยภาพของการท่องเที่ยวไทยที่มีอยู่
โดยภาครัฐและผู้ประกอบการควรเร่งปรับลดข้อจำกัด ลดจุดอ่อน เพิ่มจุดแข็ง ยกระดับคุณภาพ ลดการเน้นปริมาณ เพื่อยกระดับการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เป็นทางเลือกลำดับแรก ๆ และคุ้มค่าที่จะกลับมาเที่ยวซ้ำ