AWC เชื่อมั่นประเทศไทย สร้างแลนด์มาร์กท่องเที่ยว

วัลลภา ไตรโสรัส AWC
วัลลภา ไตรโสรัส

“แอสเสท เวิรด์ คอร์ป” หรือ AWC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้กลุ่มทีซีซี (TCC Group) ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ทั้งธุรกิจโรงแรมและการบริการ พื้นที่เพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ฯลฯ ในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ

โดยข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2568 AWC มีสินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 1.96 แสนล้านบาท และยังคงเดินหน้าลงทุนสานต่อพันธกิจในการ “Building a Better Future” พร้อมตั้งเป้าเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง

เชื่อมั่นประเทศไทยลงทุนตามแผน

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ถึงทิศทางการลงทุนและการดำเนินงานท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจและการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย

“วัลลภา” บอกว่า แม้ว่าภาพรวมของภาคการท่องเที่ยวของประเทศขณะนี้จะยังฟื้นตัวกลับมาได้ไม่ชัดเจนนัก โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง แต่สำหรับ AWC นั้นยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และพร้อมเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิมต่อเนื่อง (ลงทุน 1 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2568-2572 หรือปีละ 20,000 ล้านบาท)

เป้าหมายคือ สนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล, ไอเอชจี, โนบุ ฮอสพิทัลลิตี, โอกุระ, บันยันทรี, มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล, ฮิลตัน โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท, แอคคอร์, ไฮแอท ฯลฯ

โดยในปี 2568 นี้ เตรียมลงทุนเพิ่มกว่า 22,000 ล้านบาท ไฮไลต์คือโครงการ Jubilee Prestige Tower ย่านรัชดาภิเษก (เข้าลงทุนในเลอ คองคอร์ด โฮเต็ล) พร้อมแปลงโฉมเป็นอาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ JW Marriott คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายในปี 2571

โฟกัส Destination Model

โดยเฉพาะในโครงการที่เป็น Destination Model เช่น โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatigue The Riverfront Destination) ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ โครงการลานนาทีค เชียงใหม่ (Lannatique Destination) และโครงการอควอทีค พัทยา (The Aquatique Destinations Pattaya) จ.ชลบุรี (มูลค่าลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท)

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและผลักดันภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีพลังในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกของนักท่องเที่ยว (World Class Destination)

ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับทิศทางของภาพรวมตลาดในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตด้วย ซึ่งมีบางโครงการที่อาจต้องชะลอออกไปก่อนบ้าง เช่น แผนลงทุนสร้างตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น สูงที่สุดในประเทศไทยบริเวณโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นต้น

ธุรกิจโรงแรมโตสวนทางภาพรวม

“วัลลภา” บอกด้วยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา AWC เปิดโครงการใหม่เกือบทุกเดือน เช่น มกราคม จัดพิธีลงเสาเอกโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในพื้นที่ไชน่าทาวน์ เปิดตัวโรงแรม “มีเลีย พัทยา โฮเต็ล” รีสอร์ตไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางพัทยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Aquatique Destinations Pattaya และมีแผนต่อเนื่องถึงโรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา ในลำดับต่อไป โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ “พัทยา” เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียและของโลก

เดือนกุมภาพันธ์เข้าลงทุนในบริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล (รัชดา) เพื่อพัฒนาปรับปรุงเป็น Jubilee Prestige Tower มีทั้งสำนักงานและโรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงค็อก รัชดาภิเษก เดือนมีนาคม เปิดตัว “คลับอินเตอร์คอนติเนนตัล” และ “เดอะไอ สปา” ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง เป็นต้น

“ตอนนี้โรงแรมทุกแห่ง รวมถึงโรงแรมเปิดใหม่ของเราได้รับการตอบรับที่เกินคาด โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมมีรายได้เพิ่มขึ้น 9.4% (YOY) สะท้อนถึงดีมานด์การท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพระดับ High-to-Luxury”

พร้อมระบุว่า โรงแรมรีสอร์ตลักเซอรี่ในจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างเกาะสมุยและกระบี่ ซึ่งมี RevPAR (Revenue Per Available Room) หรือรายได้เฉลี่ยต่อห้อง เติบโตถึง 10.5% และมี ADR (Average Daily Rate) หรือราคาห้องพักเฉลี่ยต่อห้องเฉลี่ยทั้งพอร์ตอยู่ที่ 6,663 บาท/คืน เพิ่มขึ้น 5.8%

หากดูเฉพาะพอร์ตโรงแรมที่เปิดให้บริการต่อเนื่องจากปี 2567 พบว่า RevPAR เพิ่มขึ้นถึง 7.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกว่า 4 เท่า

ทุ่มอีกหมื่น ล.ต่อยอดลานนาทีค

“วัลลภา” บอกอีกว่า สำหรับโครงการที่ AWC กำลังเร่งต่อยอดขณะนี้คือ โครงการ “ลานนาทีค” หรือ LANNATIQUE จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์ที่มีมูลค่ารวมราว 2.5-2.6 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ใจกลางเมืองราวกว่า 100 ไร่ บริเวณถนนช้างคลาน ต่อเนื่องไปถึงตลาดไนท์บาซาร์ ตลาดอนุสาร ไปจนถึงติดแม่น้ำปิง

โดยพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์รวมศิลปะ ความบันเทิง พร้อมร่วมขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง

“วัลลภา” ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา AWC ลงทุนในเชียงใหม่ไปแล้ว 1.29 หมื่นล้านบาท สำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ 3 แห่งคือ โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง และโรงแรมแมริออท เชียงใหม่ รวมถึงห้างสรรพสินค้า 1 โครงการคือ เดอะพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ

ล่าสุดที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ได้อนุมัติงบฯอีก 11,950 ล้านบาท (ปี 2567-2576) สำหรับลงทุนพัฒนาโครงการ 3 โครงการ ประกอบด้วย เชียงใหม่ ไนท์บาซาร์, กาแล ไนท์บาซาร์ และเดอะ พลาซ่า เชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเป็นโครงการ “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ระดับโลกใจกลางเมืองเชียงใหม่

“เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการ Lannatique ให้เป็นไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์กระดับโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะแห่งใหม่บนย่านช้างคลาน ที่หลอมรวมวิถีชีวิตท้องถิ่นล้านนา และวัฒนธรรมร่วมสมัยเอาไว้ในพื้นที่เดียวกัน ภายใต้แนวคิด The Heart of Lanna Art Movement”

ทั้งนี้ ตั้งเป้าเปิดให้บริการเฟสแรกในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 นี้ พร้อมปูรากฐานสู่การพัฒนาโรงแรมระดับโลกขนาด 55,000 ตารางเมตร ที่จะผสานกับ Attraction ระดับโลกขนาดใหญ่ อาทิ สวนน้ำ-สวนสนุก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกด้วย

ส่ง “รถแทรม” เชื่อมแหล่งท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังลงทุนในโครงการ “Chiang Mai Tram by Lannatique” รถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยวแห่งแรกในประเทศไทย พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Innovative and Sustainable Tourism เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดังกว่า 40 แห่งตลอดสาย

อาทิ ประตูท่าแพ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตลาดวโรรส คลองแม่ข่า โครงการ Lannatique พันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และโรงแรมในเครือ AWC พร้อมให้บริการลานจอดรถจำนวนมากในบริเวณรอบนอก

“เราทำงานร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาโมเดลการให้บริการที่สอดรับกับความต้องการและแผนการพัฒนาเมืองในอนาคต และไม่ส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่เดิม”

ชู MICE Facility รองรับไมซ์ระดับโลก

“วัลลภา” เพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเชียงใหม่ AWC ไม่เพียงแค่มีแผนพัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปเท่านั้น ยังมีแผนขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง Innovative MICE ภาคเหนือ ตามนโยบายจังหวัดเชียงใหม่ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

โดยล่าสุดโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ได้เปิดให้บริการห้องอิมเมอร์ซีฟบอลรูมแห่งแรกของโลก “Plaii Ballroom” เพื่อสร้างให้เป็นศูนย์กลาง Innovative MICE ภาคเหนือ รองรับงานประชุมสัมมนา (MICE) ระดับโลก ที่โดดเด่นด้วยจอ LED จากพื้นถึงเพดาน ครอบคลุมผนังทั้ง 4 ด้าน รองรับการจัดงานแบบ Innovative ทุกรูปแบบได้อย่างยืดหยุ่น

รวมถึงพื้นที่ใหม่เพื่อการประชุม ที่มาพร้อมห้องประชุมหลากหลายขนาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้อง Suthep Hall ขนาดใหญ่รองรับผู้ร่วมงานกว่า 800 คน รวมถึงห้องคาราโอเกะ และกอล์ฟซิมูเลเตอร์ เสริมศักยภาพโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ในการดึงดูดกลุ่มนักเดินทาง Innovative & Leisure MICE ระดับโลกเข้าสู่เชียงใหม่

และอาคารประชุมขนาดใหญ่ของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ Lifestyle MICE ของโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ ที่พร้อมรองรับทุกการจัดกิจกรรมระดับเวิลด์คลาส

โดยเชื่อว่าเมื่อเชื่อมต่อ Innovative MICE Facility กับโครงการ “ลานนาทีค” แลนด์มาร์กศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเชียงใหม่ จะยิ่งช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเชียงใหม่ในฐานะจุดหมายปลายทางการประชุมสัมมนาและการท่องเที่ยวในระดับโลกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น