เที่ยวทางน้ำ “ตะวันออก” โตพุ่ง เอกชนแห่ลงทุน “ท่าเรือยอชต์”

“โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา” ชี้สนามบินอู่ตะเภา-อีอีซีหนุนท่องเที่ยวทางน้ำโซนตะวันออกโตก้าวกระโดด เอกชนเตรียมเทงบฯลงทุนท่าจอดเรือยอชต์บนน่านน้ำอ่าวไทยอีกเพียบ คาดอีกไม่กี่ปีมีท่าจอดเรือแซงหน้าภูเก็ต ล่าสุด “โอเชี่ยน มารีน่า” ได้ลงทุนขยายคาพาซิตี้ท่าจอดเรือเพิ่มอีก 60 ลำ พร้อมเตรียมจัด “โบ๊ท โชว์” กระตุ้นตลาดอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้

นายสก็อต ฟินสเตน ผู้จัดการท่าเรือโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า วันนี้การท่องเที่ยวทางเรือจากพัทยาสามารถเชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในพื้นที่อ่าวไทยได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกาะช้าง จ.ตราด ฯลฯ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาด้วย ทำให้พัทยากลายเป็นฮับของการท่องเที่ยวทางเรือในโซนภาคตะวันออกได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทางทะเลที่ท่าเรือโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา มีการเติบโตในอัตราที่สูงและก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากเทียบตัวเลขของปี 2560 ที่ผ่านมากับปี 2553 พบว่ามีการขยายตัวสูงถึง 730% โดยในปี 2560 ที่ผ่านมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 56 และในไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมาก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในอัตราร้อยละ 66

นายสก็อตกล่าวว่า ตัวแปรที่ทำให้การท่องเที่ยวทางเรือในพัทยาขยายตัวอย่างมาก คือ ท่าเรือโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา เป็นทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในเซาท์อีสต์เอเชีย ศักยภาพในการรองรับเรือได้ถึง 380 ลำ และปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้มีสัดส่วนการใช้งานมากถึง 96% จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ทำให้บริษัทลงทุนขยายศักยภาพในการรองรับเรืออีก 60 ลำ รวมเป็น 440 ลำในปีนี้

“ตัวแปรสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การที่ภาครัฐขยายระยะเวลาจอดเรือนานถึง 12 เดือน ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาสามารถทำกิจกรรมได้มากยิ่งขึ้น ทั้งซ่อมบำรุงเรือ ท่องเที่ยวทั้งทางน้ำ ทางบกในพื้นที่ใกล้เคียง และน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้มีเรือท่องเที่ยวเข้ามาฝั่งอ่าวไทยในอนาคตมากยิ่งขึ้นด้วย”

นายสก็อตกล่าวและว่า นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าแผนการพัฒนาโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า รวมถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีของรัฐบาลจะเป็นปัจจัยบวกอย่างหนึ่งที่สนับสนุนให้การท่องเที่ยวทางเรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย” นายสก็อตกล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้าในพื้นที่อ่าวไทยจะมีท่าจอดเรือจำนวนที่มากกว่าในโซนภูเก็ตได้แน่นอน เนื่องจากนอกจากท่าจอดเรือหลัก 3 แห่งที่มีอยู่ในปัจุบันอย่างโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา, สยาม รอยัลวิว (เกาะช้าง) และรีเชอร์ มารีน่า (ปราณบุรี) แล้ว ขณะนี้ยังมีเอกชนจำนวนมากนำเสนอโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือจากกรมเจ้าท่าอีกจำนวนมาก อาทิ ท่าเรือประจวบคีรีขันธ์, Thongtanode Bay (สมุย), Mai Gan Cape (สมุย), Grand Marina Club (ปราณบุรี) เป็นต้น

ด้านนายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำฮับของการท่องเที่ยวทางน้ำ ปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบฯราว 10 ล้านบาทสำหรับจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ 2018” งานแสดงเรือยอชต์นานาชาติระดับเอเชีย ซึ่งมีการจัดโชว์เรือยอชต์ชั้นนำระดับโลกและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเรือระหว่าง 29 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 2561 นี้ ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นธุรกิจและตลาดท่องเที่ยวทางทะเล และตอบรับกระแสความนิยมล่องเรือยอชต์ที่เติบโตสูงขึ้น

“งานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ได้เติบโตตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนของเรือและสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ที่มาแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นทุกปี และจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 23% ในปีก่อนหน้า สำหรับปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 7 บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ทั้งบนบกและในน้ำ จัดแสดงสินค้าและการบริการด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวทางทะเล สินค้าเทคโนโลยี กีฬาทางน้ำ ซูเปอร์ไบก์ รถยนต์หรู อสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยม อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โรงแรมและรีสอร์ตต่าง ๆ การบริการอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมต่าง ๆ มากมาย โดยคาดว่าการสร้างเงินจะสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทให้กับธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเล” นายณพงศ์กล่าว