ททท.5สำนักงานในจีนรุกหนัก เฟ้นกลยุทธ์เจาะกลุ่มลักเซอรี่ทุกเซ็กเมนต์

ภาพจาก แฟ้มภาพ
ททท. 5 สำนักงานในจีน เฟ้นกลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวแดนมังกรระดับ พรีเมี่ยม สำนักงานปักกิ่งเผยมุ่งจับกลุ่ม health and wellness จับคนจีนเดินทางไปรักษาพยาบาลต่างประเทศพุ่ง 100 ล้านคน-ครั้งต่อปี ด้านเซี่ยงไฮ้-กว่างโจว เจาะกลุ่ม ลักเซอรี่-เศรษฐีใหม่ พร้อมอัดแพ็กเกจเที่ยวเมืองหลักพ่วงเมืองรอง ส่วนคุนหมิงเร่งผลักดันคาราวานท่องเที่ยวโดยรถยนต์ผ่านถนน R3A ขณะที่ “เฉิงตู” เพิ่มโฟกัสกลุ่มฮันนีมูน-สปอร์ตทัวริซึ่ม

นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานปักกิ่ง ดูแลพื้นที่หลักอย่างปักกิ่ง เทียนจิน เหลียวหนิง และเหอหนาน เปิดเผยว่า จากนโยบายหลักด้านการทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนระดับกลาง-บน สำนักงานปักกิ่งจึงมุ่งเจาะตลาดรักษาและดูแลสุขภาพ (health and wellness)

ทั้งนี้ เนื่องจากจีนมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน การเข้าใช้บริการโรงพยาบาลต้องรอคิวนาน ทำให้ชาวจีนที่มีรายได้ระดับกลาง-บน ซึ่งมีความสามารถในการจับจ่าย หันไปรักษาพยาบาลใน

ต่างประเทศแทน ประกอบกับนโยบายลูกคนที่ 2 ของจีน ทำให้มีอัตราเด็กเกิดใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 15 ล้านคนต่อปี

“ปักกิ่ง” จับกลุ่มรักษาพยาบาล

และด้วยเทคโนโลยีการรักษาพยาบาลของไทย รวมถึงความพร้อมของบุคลากร อุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน JCI ในไทย ซึ่งมีมากกว่า 50 โรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายซึ่งถูกกว่าโรงพยาบาลในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ทำให้ชาวจีนนิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในไทยมากขึ้น

“นอกเหนือจากโปรแกรมการตรวจสุขภาพทั่วไป การล้างพิษร่างกาย และการสแกนความน่าจะเป็นโรคมะเร็งแล้ว อีกหนึ่งโปรแกรมที่ได้รับความนิยม คือ การเลือกเพศบุตร โดยหลังจาก ททท.ได้เข้าไปสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการด้านสุขภาพในตลาดจีนมา 2 ปี ปีนี้จึงเข้าสู่การขายอย่างเข้มข้น ครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ทั้งวัยทำงาน สตรี คู่แต่งงาน ผู้สูงวัยซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้สุทธิถึง 2 หมื่นหยวน หรือราว 1 แสนบาทต่อคนต่อเดือน”

โดยในปีที่ผ่านมาพบว่า มีสถิตินักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปรักษาพยาบาลในต่างประเทศ จำนวนมากถึง 80 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น การรักษาพยาบาล 40%, ตรวจสุขภาพ 22% และเสริมความงาม 16% โดยคาดว่าปีนี้จะมีชาวจีนเดินทางไปรักษาพยาบาลต่างประเทศรวมเพิ่มเป็น 100 ล้านคน-ครั้ง ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถดึงให้มารักษาพยาบาลในไทยเพิ่มได้ นอกเหนือจากเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ตแล้ว ยังรวมถึงเมืองรอง เช่น เชียงราย ด้วย

เซี่ยงไฮ้-กว่างโจว เจาะลักเซอรี่

นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า เนื่องจากชาวจีนในพื้นที่นี้มีรายได้สูง และเป็นกลุ่มผู้นำเทรนด์ด้านการเดินทางท่องเที่ยว ปีนี้จึงได้ทดลองขาย

แพ็กเกจเที่ยวรูปแบบใหม่ในราคาสูง เชื่อมเมืองหลักและเมืองรองในภาคเหนือ พร้อมผนวกชุมชนเข้าไปด้วย ผลการทดลองขายคือสามารถขยับราคาแพ็กเกจได้สูงเป็น 7 พันหยวน (ราว 3.5 หมื่นบาท) จากปกติที่เคยขายกัน 1 พันหยวน (ราว 5 พันบาท)

ขณะที่ปี 2562 แผนของสำนักงานเซี่ยงไฮ้มุ่งโฟกัส 3 พื้นที่หลักอย่างเซี่ยงไฮ้ เจียงซู และเจ้อเจียง ซึ่งมีประชากรรวม 157 ล้านคน โดยให้น้ำหนักในการเจาะตลาดลักเซอรี่ กลยุทธ์ของ ททท. คือ โฟกัสชาวจีนผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคาร ICBC ที่มีการใช้จ่ายสูง และผู้ถือบัตรทองและแพลทินัมของสายการบินไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ส ซึ่งมีขนาดรวม 33 ล้านคน โดยจะขายเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองรอง

พร้อมนำชุมชนไปขายพ่วง

เช่นเดียวกับ นางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกว่างโจว กล่าวว่า กลยุทธ์ในปี 2562 จะรุกเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มลักเซอรี่ มุ่งประชาสัมพันธ์ในกลุ่มเศรษฐีในมณฑลกวางตุ้งให้มาเที่ยวไทยมากขึ้น ในฐานะที่ไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระยะสั้นระดับลักเซอรี่ที่ดีที่สุด (best short haul luxury destination)

โดยเมืองที่เน้นเจาะคือ กว่างโจว และเสิ่นเจิ้น โดยไทยมีสินค้าและบริการด้านลักเซอรี่รองรับมากมาย ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โรงแรมที่พัก สปา และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้สามารถผนวกการขายท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อมเมืองรอง เช่น ภูเก็ต เชื่อมกระบี่และสตูล

“คุนหมิง” หนุนคาราวานรถยนต์

นางสาวพรนันท์ สัณหจันทร์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานคุนหมิง ดูแล 3 มณฑลคือ ยูนนาน กว่างสี และกุ้ยโจว กล่าวว่า นอกเหนือจากการเดินทางด้วยเครื่องบินจาก 3 มณฑล มีเที่ยวบินเข้าไทยครอบคลุมเกือบทุกเมืองท่องเที่ยว ปีหน้าสำนักงานคุนหมิงจะผลักดันการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นคาราวานผ่านถนน R3A ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพราะไม่ใช่แค่ตลาดขับรถเที่ยวทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นการเดินทางมาเป็น กลุ่มครอบครัว อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบาย One Belt One Road ผ่าน 3 ประเทศ จากจีน ผ่าน สปป.ลาว เข้าไทยตรงด่านเชียงของ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่พ่อแม่อยู่ในวัยมิลเลนเนียลส์และมีลูกในวัยไม่โตมาก สามารถพาไปท่องเที่ยวได้

อีกกลุ่มตลาดคือคู่แต่งงานและฮันนีมูน โดยทำงานร่วมกับสตูดิโอจัดงานแต่งงานในจีน ด้วยการเตรียมขยายพื้นที่ฮันนีมูนให้มาเที่ยวทะเล นอกเหนือจากเชียงใหม่และเชียงราย

เฉิงตูโฟกัส “ฮันนีมูน-สปอร์ต”

ด้านนายจรัญ ชื่นใจธรรม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเฉิงตู กล่าวว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของสำนักงานเฉิงตู จะเน้น 2 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มฮันนีมูน โดยแต่ละปีจีนมีคู่แต่งงานเฉลี่ย 10 ล้านคู่ ปีที่แล้วมีมากถึง 12 ล้านคู่ นิยมเดินทางมาฮันนีมูนที่ไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เดินทางไปภูเก็ต สมุย และกรุงเทพฯ-พัทยา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนหยวน (ราว 6 แสนบาท) ต่อคู่ และ 2.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (สปอร์ตทัวริซึ่ม) ครอบคลุมทั้งกลุ่มกอล์ฟซึ่งใช้จ่ายสูง โดยในจีนมีผู้เล่นกอล์ฟมากกว่า 1 แสนคน นิยมบินตรงเพื่อไปเล่นกอล์ฟในจุดหมายนั้น ๆ เช่น กรุงเทพฯ และเชียงใหม่


นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักวิ่งมาราธอน ซึ่งปีที่แล้วจีนมีงานวิ่งมาราธอนมากถึง 1,100 สนาม เพิ่มขึ้นถึง 120% จาก 300 สนามในปีก่อน โดยจีนมีนักวิ่งมาราธอนมากกว่า 5 ล้านคน และมีแผนไปวิ่งมาราธอนในต่างประเทศอย่างน้อยปีละ 2 สนาม ผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มกิจกรรมซอฟต์แอดเวนเจอร์เสริมได้ อย่างพายเรือคยัก สนามยิงปืน และมวยไทย ขณะที่กลุ่มนักดำน้ำมีการขยายตัวในจีนอย่างมาก และนิยมมาดำน้ำครั้งแรกในไทย ราคาแพ็กเกจอยู่ที่ 8 พันหยวน (ราว 4 หมื่นบาท) ต่อคนต่อทริป