รี้ดฯชู Match Making สร้างแวลูใหม่ “เอ็กซิบิชั่น” ทั่วโลก

ต้องยอมรับว่า ในโลกยุคปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับธุรกิจในทุก ๆ กระบวนการ ทั้งด้านการผลิตและการตลาด ส่งผลให้ “งานแสดงสินค้า” หรือ exhibition ซึ่งเป็นการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริโภคมีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับโปรดักต์ใหม่ ๆ ที่ออกมาสู่ตลาด

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “เชต เบอร์เชต” ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่น จำกัด บริษัทจัดงานแสดงสินค้าชั้นนำของโลก ถึงทิศทางและรูปแบบของงานแสดงสินค้าทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชียไว้ดังนี้

“เชต” บอกว่า เอ็กซิบิชั่นยังเป็นรูปแบบการตลาดที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตในอัตราที่สูง และเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก ยิ่งภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมไม่ดี ผู้ประกอบการในทุกระดับยิ่งมีความต้องการใช้ “เอ็กซิบิชั่น” เป็นตัวช่วยในการทำการตลาดและหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อรักษาธุรกิจให้ยังคงมีอัตราการเติบโตต่อไปได้อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือสำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดีมากรูปแบบหนึ่งเลย

เพราะเป็นการตลาดรูปแบบ face to face ที่ทำให้ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานมาเจอกันและสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันได้โดยตรง รวมถึงยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ได้เข้าร่วมงานอีกด้วย

โดยพบว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดเอ็กซิบิชั่น หรืองานแสดงสินค้า เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการขยายตัวได้ทั่วโลกเฉลี่ยที่ 3% โดยตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งคือ ตลาดในโซนเอเชีย เช่น จีน, สิงคโปร์, เกาหลี ฯลฯ

ส่วนประเทศไทยนั้นนอกจากจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงแล้วยังถือเป็น “ฮับ” ของภูมิภาคนี้อีกด้วย โดยกลุ่มธุรกิจที่ช่วยขับเคลื่อนหลักคือ ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม, อาหาร และคอสเมติก

“เชต” ยังบอกด้วยว่า สำหรับในส่วนของ “รี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่น” นั้นพบว่ามีผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดถึงเท่าตัว หรือประมาณ 6% ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์มามากกว่า 35 ปี และพัฒนารูปแบบการจัดงานได้สอดรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค

“กลุ่มรี้ดฯ เรามีระบบที่เรียกว่า Match Making ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานว่า แต่ละคนมีความสนใจด้านไหน อยากเข้าชมบูทสินค้าเกี่ยวกับอะไรบ้าง ที่ผ่านมาใช้เวลาเดินดูงานมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ ระบบนี้จะช่วยประมวลผลความต้องการพื้นฐานของผู้เข้างานอย่างละเอียด จากนั้นจะรายงานออกมาว่าผู้เข้าชมงานแต่ละคนนั้นควรไปชมบูทไหนบ้าง ควรไปพบปะพูดคุยกับใคร เดินไปทางไหน ฯลฯ

โดยระบบ Match Making นี้สามารถรวบรวมรายการที่ผู้เข้างานแต่ละคนต้องไปชมหรือมีอะไรบ้างที่ไม่ควรพลาดได้ถึง 10 อย่าง ซึ่งจะ ช่วยให้ผู้เข้าชมงานแต่ละงานเกิดความพึงพอใจมากที่สุด และใช้เวลาเข้าชมงานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

ขณะที่ผู้ประกอบการที่มาออกงานก็จะได้เจอกับลูกค้าที่มีความสนใจมากที่สุดเช่นกัน ที่สำคัญข้อมูลที่ระบบดังกล่าววิเคราะห์ออกมาเบื้องต้นยังทำให้ผู้ประกอบการรู้ด้วยว่าพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร เพื่อที่จะได้นำไปปรับและพัฒนาคอนเทนต์และวิธีสื่อสารกับลูกค้าสำหรับการจัดงานครั้งต่อ ๆ ไปด้วย

“ปัจจุบันลูกค้ามีความคาดหวังสูง และให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการเดินทางไปร่วมงานเอ็กซิบิชั่น ดังนั้นเราในฐานะผู้จัดงานก็จำเป็นต้องทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้จัดงานและผู้ที่เข้ามาร่วมงานเกิดความพึงพอใจมากที่สุด และได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกด้วย”

นายใหญ่รี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่นยังบอกด้วยว่า ระบบ Match Making นี้ถูกพัฒนาขึ้นที่รี้ดฯ ประเทศไทย และกำลังจะนำไปใช้กับสำนักงานอื่น ๆ ของรี้ดฯที่มีอยู่ทั่วโลก ทั้งในภูมิภาคเอเชียและยุโรป

เพราะระบบนี้ถือเป็น “value” ใหม่ของกลุ่มรี้ดฯ ที่จะช่วยสนับสนุน “เอ็กซิบิเตอร์” ที่มาร่วมงานเอ็กซิบิชั่นให้เกิดธุรกิจภายในงาน พร้อมยังสามารถเติมเต็มให้งานเอ็กซิบิชั่นยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการมีแขน-ขาในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย