เกาะพีพี รายได้ลด 50 กว่าล้าน เหตุปิดอ่าว-เรือจีนล่ม กรมอุทยานไม่สน เน้นฟื้นฟูธรรมชาติก่อน

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยเงินรายได้อุทยาน ประจำปีงบประมาณ 2561 (เดือนตุลาคม 2560 ถึง มิถุนายน 2561 มียอดรายได้รวม 2,309,417,162 บาท โดยอุทยานแห่งชาติที่ทำเงินรายได้สูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.อุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ 555,840,470 บาท 2.อุทยานฯเกาะสิมิลัน จ.พังงา 443,092,920 บาท 3.อุทยานฯอ่าวพังงา จ.พังงา 377,087,785 บาท 4.อุทยานฯเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง 136,672,010 บาท 5.อุทยานฯเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา 81,560,324 บาท 6.อุทยานฯเอราวัณ จ.กาญจนบุรี 80,709,546 บาท 7.อุทยานฯดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ 54,114,610 บาท 8.อุทยานฯเกาะลันตา จ.กระบี่ 63,868,299 บาท 9.อุทยานฯเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี 63,733,000 บาท และ10.อุทยานฯตะรุเตา จ.สตูล 32,060,640 บาท

ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่าเงินรายได้ของอุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มียอดรายได้ลดลงกว่าหลายสิบล้าน โดยเดือน มิถุนายน 2561 มียอดรายได้ 37,155,910 บาท เดือน กรกฎาคม 2561 มียอดรายได้ 26,267,680 บาท เมื่อเทียบกับเดือน มิถุนายน 2561 มียอดรายได้ 58,567,740 บาท และเดือน กรกฎาคม มียอดรายได้ 61,374,700 บาท โดยระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมามียอดรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จำนวน 56,5118,850 บาท นั้น

เอกสารการรายงานของกรมอุทยานฯ ระบุว่า เป็นช่วงการประกาศการฟื้นฟูทรัพยากรในอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2561 โดยปิดห้ามนักท่องเที่ยวเข้าอ่าวมาหยาและอ่าวโละซามะ อีกทั้งยังเกิดเหตุฝนตกหนักคลื่นลมแรง เรือฟีนิกซ์ ล่มกลางทะเลภูเก็ต และมีคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ โดยให้ระมัดระวังการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว หรือการดำเนินกิจกรรมใดๆ ในช่วงมรสุมคลื่นลมแรง

นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ทางกรมอุทยานฯ ไม่ได้กังวลเรื่องเงินรายได้ของอุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่ลดลง เพราะกรมอุทยานฯ คำนึงถึงการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก โดยยอดรายได้ที่ลดลงในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ปิดอ่าวมาหยาพอดี ซึ่งขณะนี้กรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการตามแผนการฟื้นฟูอ่าวมาหยา ตั้งแต่การก่อสร้างสะพานเทียบเรือ และทางเดินบริเวณอ่าวโละซามะ เพื่อปิดไม่ให้เรือวิ่งเข้าออกบริเวณอ่าวมาหยาอย่างถาวร โดยให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเที่ยวอ่าวมาหยาผ่านทางอ่าวโละซามะเท่านั้น ซึ่งจะดำเนินการดังกล่าวให้ทันก่อนการเปิดอ่าวมาหยาในวันที่ 1ตุลาคม นี้

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า ส่วนยอดรายได้รวมอุทยานทั่วประเทศในปี 2561 นี้ คาดว่าจะมียอดรายได้เยอะกว่าปี 2560 ที่มียอดรายได้รวม 2,413,632,803 บาท แต่อย่างไรก็ตามต้องรอดูอีก 2 เดือนจึงจะสามารถสรุปยอดรายได้ทั่วประเทศได้

นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ กล่าวว่า ในส่วนรายได้เข้าอุทยานฯ หาดนพรัตน์ที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากฤดูมรสุมที่ทำให้คลื่นลมแรงในช่วงเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะที่การปิดอ่าวมาหยาและเรือนักท่องเที่ยวชาวจีนล่มก็ไม่น่าจะส่งผลมากนัก เพราะกรุ๊ปทัวร์จีนได้มีการจองทัวร์ล่วงหน้าไว้แล้ว แต่เมื่อเดินทางมาแล้วไม่สามารถออกไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆได้ ทำได้เพียงเที่ยวตามเกาะที่อยู่ใกล้ๆ โดยรอบบริเวณเท่านั้น ซึ่งช่วงเวลานี้อุทยานฯทางทะเลฝั่งอันดามันหลายแห่งมีการปิดการท่องเที่ยวในช่วงฤดูมรสุม ในขณะที่อุทยานฯ ทางทะเลฝั่งอ่าวไทยยังเปิดให้ท่องเที่ยวได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาท่องเที่ยวในฝั่งอ่าวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ที่ล่าสุดมีรายได้ถึง 147 ล้านบาท

 

 

ที่มา  มติชนออนไลน์