“แอร์เอเชียเอ็กซ์” เร่งปูพรม เส้นทางบินสู่”ญี่ปุ่น-ยุโรป”

“ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” เดินหน้ารับเครื่องบินใหม่-เร่งปูพรมเปิดเส้นทางบินสู่ญี่ปุ่น เผยเตรียมเปิดบินกรุงเทพฯ-นาโกยา 30 ตุลาคมนี้ เจาะตลาดญี่ปุ่นตอนกลาง เผยพร้อมเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี”62 หลังมีโอกาสทำกำไรต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน ล่าสุดเตรียมศึกษาเปิดเส้นทางบินไกลไปยุโรปเป็นครั้งแรกในปีหน้า

นายนัตดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยถึงแผนรับมือเครื่องบินใหม่ในปี 2561 นี้ว่า ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์มีแผนรับเครื่องบินแอร์บัส เอ 330 เพิ่มอีก 3 ลำ รวมเป็น 10 ลำ เพื่อขยายบริการอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจะรับเครื่องบิน เอ 330 นีโอ เข้ามาอีก 2 ลำในปีหน้า ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายเส้นทางบินใหม่ หลังจากเปิดเส้นทางบินไปยังเมืองหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือได้ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว

โดยเฉพาะเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันให้บริการแล้ว 3 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่โตเกียว, โอซากา และซัปโปโร มีผู้โดยสารในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมากว่า 5.3 แสนคน จึงได้เตรียมเปิดเส้นทางบินที่ 4 ไปญี่ปุ่น คือ กรุงเทพฯ-นาโกยา ซึ่งจะให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

นายนัตดากล่าวว่า เป้าหมายของการเปิดเส้นทางไปนาโกยาคือ มุ่งเปิดตลาดท่องเที่ยวในโซนตอนกลางของญี่ปุ่น เนื่องจากนาโกยาเป็นเมืองหลวงของจังหวัดไอจิ ในเขตภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างโตเกียวกับโอซากา มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในเมืองนาโกยาและเมืองใกล้เคียง ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจจำนวนมาก

ทั้งนี้ มองว่านาโกยาจะช่วยส่งเสริมข้อได้เปรียบของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ในเรื่องของเครือข่ายเส้นทางที่ครอบคลุมทั่วญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารให้สามารถจัดสรรการเดินทางได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น สามารถเลือกบินลงนาโกยาและบินกลับจากซัปโปโรหรือบินไปโตเกียวแล้วขึ้นเครื่องกลับจากนาโกยาก็ได้เช่นกัน ทำให้นาโกยาซึ่งเป็นประตูสู่ภาคกลางของญี่ปุ่นมีความน่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก

“นาโกยายังเป็นฐานปฏิบัติการของสายการบินแอร์เอเชีย เจแปน หนึ่งในสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ในเครือแอร์เอเชียที่เปิดให้บริการในญี่ปุ่นแล้ว ปัจจุบันให้บริการเส้นทางในประเทศ อาทิ นาโกยา-ซัปโปโร 3 เที่ยวบินต่อวัน ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จึงวางแผนร่วมกับแอร์เอเชียเจแปนในการทำการตลาดร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาจับจ่ายด้านท่องเที่ยวที่ไทยมากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อเที่ยวบินกับไทยแอร์เอเชียไปทุกภูมิภาคในประเทศ” นายนัตดากล่าว

นายนัตดายังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการนำไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2562 นี้ หลังจากที่บริษัทมีโอกาสทำกำไรต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกันตามแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ยังเป็นไปได้ดี ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าระดมทุน

ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปี 2561 นี้ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จะมียอดผู้โดยสารรวม 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งปิดไป 1.6 ล้านคน และคาดว่าจะมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตจากปีที่แล้วซึ่งทำได้ 9,300 ล้านบาท และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 85-90%

“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวโน้มเป็นไปได้ เพราะปีนี้น่าจะมีกำไร 3 ปีติดต่อกัน หรือหากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้ไม่ทันปีหน้า ได้วางกรอบเวลาที่เหมาะสมไว้ไม่ควรเกินอีก 2 ปี”

นายนัตดากล่าวว่า การตัดสินใจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นต้องมีแผนการขยายธุรกิจด้วย โดยเฉพาะแนวทางในการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการเติบโตอย่างไร เช่น การเปิดเส้นทางบินระยะไกล (long haul) ไปยุโรปเป็นครั้งแรก หลังจากศึกษาเส้นทางอยู่หลายเมือง ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มเห็นไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์เปิดเส้นทางแรกได้ภายในปีหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม คือการรับมอบเครื่องบินใหม่ แอร์บัส เอ 330 นีโอ เข้ามาประจำการในฝูงบินเพิ่ม ซึ่งสามารถบินระยะไกลได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น

“เป้าหมายของการเปิดเส้นทางใหม่เหล่านั้น ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จะเข้าไปสร้างตลาดใหม่ผ่านการใช้กลยุทธ์แนะนำจุดหมายท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักของตลาดทั้ง 2 ทาง เหมือนกับที่เคยดำเนินการสำเร็จในทุก ๆ เส้นทางที่ผ่านมาได้อย่างไร”

นายนัตดายังกล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตต่อนักท่องเที่ยวจีนด้วยว่า เนื่องจากไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ มีเส้นทางบินเดียวคือ กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ขณะนี้พบว่าลดลงไปราว 3-5% เมื่อเทียบกับภาวะปกติ ซึ่งมองว่าไม่สามารถเป็นดัชนีสะท้อนผลกระทบของภาพรวมทั้งตลาดได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเร่งดำเนินมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้ตลาดฟื้นกลับมาได้ทันช่วงโกลเด้นวีกหยุดยาววันชาติจีนเดือนตุลาคมนี้